หากพูดกันถึงเรื่องของเหตุการณ์ภัยพิบัติธรรมชาติต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ภัยแล้ง น้ำท่วม วาตะภัย ในไทยนั้น ล้วนเกิดจากฝีมือของมนุษย์อย่างเราทั้งหมด แต่สภาวการณ์ที่จะมีขึ้นได้บ่อยครั้งที่สุด พร้อมกับก่อความทุกข์ได้บ่อยครั้งมากก็คงหลีกเลี่ยงไม่พ้นเหตุการณ์ของน้ำท่วม หรือ น้ำท่วมที่เกิดขึ้นตามต่างจังหวัด หรือแม้แต่ในกรุงเทพมหานคร ก็เคยมีขึ้นมาแล้ว และเมื่อมีเหตุการณ์เกี่ยวกับน้ำท่วมสิ่งที่จะช่วยอำนวยความสะดวก และช่วยเหลือใครก็ตามได้ นั้นก็หนีไม่พ้น เรือกู้ภัย
ที่ทำหน้าที่ตั้งแต่ช่วยเหลือผู้พบภยันตรายรวมไปถึงช่วยเหลือในเรื่องราวของการส่งข้าวสารของแห้ง ให้กับทางผู้เจอภัยพิบัติด้วย หากสำหรับตัวข้าพเจ้าเอง จะมาเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับเหตุอุทกภัย ที่เคยพบเจอมากับตนเอง และได้รับการช่วยเหลือต่าง ๆ รวมทั้ง การแสดงถึงความมีน้ำใจของคนไทยด้วยกันเองด้วยครับ เพราะผมต้องบอกก่อนเลยว่า ถ้าหากวันนั้น ผมไม่ได้เพื่อน ๆ และทีมกู้ภัยมาช่วยป่านนี้ครอบครัวผมคงแย่ไปแล้วครับ เรือกู้ภัย
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อปีที่ กรุงเทพฯ น้ำท่วม มิตรสหายๆ คงจะกันได้นะครับ เมื่อราวๆปี 2554 ได้ คือ ณ ตอนแรกที่น้ำจะท่วมเนี่ย เราก็ได้ยินข่าวมาบ้างแล้ว ว่ามีน้ำท่วมจากทางตอนเหนือ ไหลมาสู่ กทม โดยก่อนจะมาถึงที่อยู่อาศัยผมนั้น ทางตอนเหนือก็ได้มีอุทกภัยมาก่อนแล้ว ผมดูจากทีวี ก็เห็นพี่น้องช่วยเหลือกันมาก ทั้งเอา เรือกู้ภัย
ไปคอยช่วยเหลือขนส่งให้กับผู้คนที่ประสบเหตุโดยในข่าว ก็มีบอกอยู่แล้ว ว่าน้ำจะไหลลงมา กระทั่งถึง กรุงเทพฯ ซึ่งส่วนตัวผม ไม่ได้สนใจอะไร เพราะคิดว่า มันค่อนข้างจะไกลตัว และอีกอย่าง กรุงเทพฯแทบไม่เคยมีเหตุการณ์น้ำท่วมสาหัสสากรรจ์อะไร เต็มที่ก็น้ำท่วมขังจากฝนตกปรกติเราก็ไม่ได้สนใจอะไรเลยและไม่คิดว่าจะมีวันท่วมมาถึงบ้านเราด้วย สักพักก็มีประกาศว่าน้ำมาถึงอยุธยา ทีนี้ผู้คนก็เริ่มวุ่นวาย โดยผมบอกก่อนว่า บ้านผมอยู่แถว ๆ ดอนเมืองนะครับผมณ ตอนนั้น ผมก็เรียนอยู่ ม.รังสิต ก็เห็นมีข่าวสารมี ให้ระดมคนไปช่วยกันทำฝายกั้นน้ำ บรรจุกระสอบทรายกัน เพื่อปกป้องไม่ให้น้ำไหลผ่าน โดยตัวข้าพเจ้าเอง ก็ได้ไปช่วยเหลือและเริ่มเห็นน้ำว่า มีน้ำซึมออกมาตามท่อ ซึ่งในตอนต้น ก็ไม่ได้ขึ้นเร็วอะไรเลย แต่มันขึ้นเรื่อย ๆ ไม่มีลด ตัวผมเองก็เริ่มใจไม่ดีละ มาคุยกับที่บ้าน พวกคนในพี่น้อง ก็ปรึกษากันว่า จะซื้อหาเรือกันดีไหม แบบที่มันเป็นละม้ายๆ เรือกู้ภัย
เอาไว้บ้างแล้ว ที่นี้ก็เริ่มใจคอไม่ดีแล้วครับเพราะในใจผมเองเนี่ย คิดว่า มันน่าจะมีโอกาสท่วม และพอสักพัก น้ำมันเริ่มท่วมจริง ๆ โดยมาจากท่อต่าง ๆ ซึมซาบขึ้นมาเรื่อย ๆ จนคนเริ่มอพยพหนีไปหมดแล้ว หมู่บ้านที่ผมอยู่นี้ เงียบเหงากันเลยทีเดียว ผมกับทางครอบครัว ก็ยังมีหวังว่ามันจะลด ก็หาเครื่องปั๊มน้ำ มาดูดน้ำออกจากบ้าน และก็ทำกระสอบทรายเอามาขวางน้ำไว้ เพื่อระแวดระวังไม่ให้น้ำเข้าบ้าน แต่ท้ายที่สุด มันก็เข้าบ้านจนได้ และเราก็ดูดน้ำจากภายในออกข้างนอก เรื่อย ๆ ตลอดวันทั้งคืน โดยการสลับเวรกัน ช่วยกันสังเกตเพื่อไม่ให้น้ำเข้าบ้านเรามากครับ แต่สุดท้าย ก็ไม่ไหวครับ น้ำขึ้นจนถึงต้นขาบนแล้ว และที่พักอาศัยผมเป็นบ้านชั้นเดียว ก็เลยมาหารือกันใหม่ ว่าเราจะเอาไงกันดี เพราะว่ามันเริ่มท่วมขึ้น ๆ ไม่มีทีท่าว่าจะลดลงเลยแม้แต่น้อย และอีกอย่าง การถ่ายอะไรก็เริ่มลำบากมากขึ้น คุณพ่อเลยตกลงใจ ทิ้งบ้านไว้ และให้พวกเราออกไป และหนีไปอยู่ นอกเมืองกันครับ แต่ปมปัญหาก็คือ น้ำ
เรือกู้ภัย เรือกู้ภัย

เผื่อมันท่วมมาถึงที่พักอาศัยเราจริง จะได้มีไว้ย้ายคนในบ้าน และต้องบอกก่อนว่า บ้านผม มีคุณตา ยาย ซึ่งมีอายุและแกเป็นคนที่หวงบ้านมาก แต่ในเวลานั้น น้ำยังมาไม่ถึงครับ เราได้แต่หารือกัน ว่าถ้าสมมติมันมาถึงบ้านเราจริง เราจะเอาไงกัน แต่ทางคุณพ่อของผมเอง ก็ไม่ฟังและบอกว่า ถึงมันมา เดี๋ยวมันก็ลด ผมก็เลยไม่อยากโต้เถียงกับเขาครับ ก็รอดูต่อไป สักพักมีประกาศว่า ฝายกั้นตรงจุดแถวม.รังสิต พัง น้ำทะลักเข้ามา ท่วมแถวบริเวณนั้นแล้ว ซึ่งบ้านของผม ก็อยู่ไม่ได้ห่างไกลจาก ม.รังสิตมากนัก ก็เลยเริ่มตื่นเต้นขึ้นมา ณ ตอนนั้น ยังคุยเล่น ๆ กับเพื่อนอยู่เลยครับ ว่าเห้ย บ้านน้ำเอ่อยัง เพื่อนบอกว่า เริ่มมีซึม ๆ ขึ้นมาจากท่อบ้างแล้ว ไอบ้านผมก็เริ่มมีมาบ้าง แต่ไม่ได้มากอะไรมาก แรกเริ่ม ก็เลยบอกพ่อว่ามันเริ่มมาแล้วนะพ่อจะไปหา เรือกู้ภัย
มาไว้ก่อนไหม เผื่อเอาไว้พาคุณตาคุณยายออกไป ถ้ามันท่วมหนัก พ่อก็บอกว่า เดี๋ยวมันก็ลด คุณพ่อท่านบอกว่า อาศัยที่ดอนเมืองมา 20 กว่าปี ไม่เคยเจอท่วมสูงเกินหัวเข่าเลย เต็มทีก็เกินเข่า และอีกอย่าง ดอนเมืองเป็นพื้นที่สูง น้ำมาไม่ถึงหรอก ถ้าไม่งั้น สนามบิน คงเจ๊งด้วยแล้ว โดยส่วนตัวผมก็ยังคงออกไปซื้อของตามปรกติแต่ก็เริ่มเห็นบางบ้านมีการเตรียม เรือกู้ภัย