ที่ทำหน้าที่ตั้งแต่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยรวมไปถึงช่วยในเรื่องราวของการส่งข้าวสารของแห้ง ให้กับทางผู้พบภัยด้วย หากสำหรับตัวผมเอง จะมาเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์อุทกภัย ที่เคยพบเจอมากับตนเอง และได้รับการช่วยเหลือต่าง ๆ รวมไปถึง การแสดงถึงความมีน้ำใจของคนไทยด้วยกันเองด้วยครับ เพราะว่าผมต้องบอกก่อนเลยว่า หากวันนั้น ผมไม่ได้เพื่อน ๆ และทีมกู้ภัยมาช่วยเหลือป่านนี้ครอบครัวผมคงแย่ไปแล้วครับ เรือกู้ภัย
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อปีที่ กรุงเทพฯ น้ำท่วม เพื่อนฝูงๆ คงจะกันได้นะครับ เมื่อราวๆปี 2554 ได้ คือ ณ ตอนแรกที่น้ำจะท่วมเนี่ย เราก็ได้ยินข่าวคราวมาบ้างแล้ว ว่ามีน้ำท่วมจากทางตอนเหนือ ไหลลงมาสู่ กทม โดยก่อนจะมาถึงบ้านผมนั้น ทางตอนเหนือก็ได้มีอุทกภัยมาก่อนแล้ว ผมดูจากทีวี ก็เห็นพี่น้องช่วยเหลือกันมาก ทั้งเอา
เรือกู้ภัย เรือกู้ภัย
มาไว้ก่อนไหม เผื่อเอาไว้พาคุณตายายออกไป ถ้ามันท่วมหนัก พ่อก็บอกว่า เดี๋ยวมันก็ลด คุณพ่อท่านบอกว่า อาศัยที่ดอนเมืองมา 20 กว่าปี ไม่เคยเจอท่วมสูงเกินหัวเข่าเลย เต็มทีก็เกินเข่า และอีกอย่าง ดอนเมืองเป็นพื้นที่สูง น้ำมาไม่ถึงหรอก ถ้าไม่เช่นนั้น สนามบิน คงเจ๊งด้วยแล้ว โดยส่วนตัวผมก็ยังคงออกไปซื้อของตามปกติแต่ก็เริ่มเห็นบางบ้านมีการจัดเตรียม เรือกู้ภัย
เอาไว้บ้างแล้ว ที่นี้ก็เริ่มใจคอไม่ดีแล้วครับเพราะในใจผมเองเนี่ย เห็นว่า มันน่าจะมีโอกาสท่วม และพอครู่หนึ่ง น้ำมันเริ่มท่วมจริง ๆ โดยมาจากท่อต่าง ๆ แทรกซึมขึ้นมาเรื่อย ๆ จนคนเริ่มอพยพหนีไปหมดแล้ว หมู่บ้านที่ผมอยู่นี้ เงียบเหงากันเลยทีเดียว ผมกับทางครอบครัว ก็ยังมีหวังว่ามันจะลด ก็หาเครื่องปั๊มน้ำ มาดูดน้ำออกจากบ้าน และก็ทำกระสอบทรายเอามาขวางน้ำไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเข้าบ้าน แต่สุดท้าย มันก็เข้าบ้านจนได้ และเราก็ดูดน้ำจากด้านในออกข้างนอก เรื่อย ๆ ทั้งวันทั้งคืน โดยการสลับเวรกัน ช่วยกันดูเพื่อไม่ให้น้ำเข้าบ้านเรามากครับ แต่ท้ายที่สุด ก็ไม่ไหวครับ น้ำขึ้นไปจนถึงต้นขาบนแล้ว และบ้านเรือนผมเป็นบ้านชั้นเดียว ก็เลยมาปรึกษากันใหม่ ว่าเราจะเอาไงกันดี เนื่องจากมันเริ่มท่วมขึ้น ๆ ไม่มีทีท่าว่าจะลดลงเลยแม้แต่น้อย และอีกอย่าง การขับถ่ายอะไรก็เริ่มลำบากมากขึ้น คุณพ่อเลยปลงใจ ทิ้งบ้านไว้ และให้พวกเราออกไป และหนีไปอยู่ ต่างจังหวัดกันครับ แต่ปัญหาก็คือ น้ำมันท่วมสูงพอใช้ได เรือกู้ภัย

เผื่อมันท่วมมาถึงบ้านเราจริง จะได้มีไว้ขนถ่ายคนในบ้าน และต้องบอกก่อนว่า บ้านผม มีตา ยาย ซึ่งมีอายุและแกเป็นคนที่หวงบ้านมาก แต่ตอนนั้น น้ำยังมาไม่ถึงครับ เราได้แต่ปรึกษากัน ว่าถ้าหากมันมาถึงบ้านเราจริง เราจะเอาอย่างไรกัน แต่ทางพ่อของผมเอง ก็ไม่ฟังและบอกว่า ถึงมันมา เดี๋ยวมันก็ลด ผมก็เลยไม่อยากเถียงกับเขาครับ ก็รอดูต่อไป สักพักมีประกาศว่า ฝายกั้นตรงแถวม.รังสิต พัง น้ำทะลักเข้ามา ท่วมแถวแถวนั้นแล้ว ซึ่งบ้านของผม ก็อยู่ไม่ได้ห่างจาก ม.รังสิตมากนัก ก็เลยเริ่มใจเต้นขึ้นมา ณ ตอนนั้น ยังคุยเล่น ๆ กับเพื่อนฝูงอยู่เลยครับ ว่าเห้ย บ้านน้ำเอ่อยัง เพื่อนบอกว่า เริ่มมีซึม ๆ ขึ้นมาจากท่อบ้างแล้ว ไอบ้านผมก็เริ่มมีมาบ้าง แต่ไม่ได้มากอะไรมาก ตอนแรก ก็เลยบอกพ่อว่ามันเริ่มมาแล้วนะคุณพ่อจะไปหา เรือกู้ภัย
หากบอกกันถึงเรื่องของเหตุการณ์ภัยพิบัติธรรมชาติต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ภัยแล้ง อุทกภัย วาตะภัย ในประเทศไทยนั้น ล้วนเกิดจากฝีมือของมนุษย์อย่างเราทั้งนั้น แต่เหตุการณ์ที่จะมีขึ้นได้บ่อยครั้งที่สุด พร้อมด้วยสร้างความเดือดร้อนได้บ่อยครั้งมากก็คงหลีกเลี่ยงไม่พ้นเรื่องของน้ำท่วม หรือ น้ำท่วมที่เกิดขึ้นตามต่างจังหวัด หรือแม้แต่ในกรุงเทพมหานคร ก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว และเมื่อมีสถานการณ์เกี่ยวกับน้ำท่วมสิ่งที่จะช่วยอำนวยความสะดวก และช่วยเหลือทุกท่านได้ นั้นก็หลบหนีไม่พ้น เรือกู้ภัย
ไปคอยช่วยเหลือขนส่งให้กับผู้คนที่ประสบเหตุโดยในข่าว ก็มีบอกอยู่แล้ว ว่าน้ำจะไหลลงมา กระทั่งถึง กรุงเทพฯ ซึ่งส่วนตัวผม ไม่ได้ให้ความสนใจอะไร เพราะคิดว่า มันค่อนข้างไกลตัว และอีกอย่าง กทม.แทบไม่เคยมีเหตุการณ์น้ำท่วมร้ายแรงอะไร เต็มที่ก็น้ำท่วมขังจากฝนตกธรรมดาเราก็ไม่ได้สนใจอะไรเลยและไม่คิดว่าจะมีวันท่วมมาถึงบ้านเราด้วย สักพักก็มีข่าวคราวว่าน้ำมาถึงอยุธยา ทีนี้ผู้คนก็เริ่มแตกตื่น โดยผมบอกก่อนว่า บ้านผมอยู่แถว ๆ ดอนเมืองนะครับณ ตอนนั้น ผมก็เรียนอยู่ ม.รังสิต ก็เห็นมีข่าวมี ให้ระดมคนไปช่วยกันทำฝายกั้นน้ำ บรรจุกระสอบทรายกัน เพื่อคุ้มกันไม่ให้น้ำไหลผ่าน โดยตัวข้าพเจ้าเอง ก็ได้ไปช่วยและเริ่มเห็นน้ำว่า มีน้ำซึมออกมาตามท่อ ซึ่งในตอนแรก ก็ไม่ได้ขึ้นเร็วอะไรเลย แต่มันขึ้นเรื่อย ๆ ไม่มีลด ตัวผมเองก็เริ่มจิตใจไม่ดีละ มาคุยกับที่บ้าน พวกคนในพี่น้อง ก็ปรึกษากันว่า จะซื้อเรือกันดีไหม แบบที่มันเป็นละม้ายๆ เรือกู้ภัย