นั้นอาจจะไม่ใช่เนื่องจากเครียดรุ่งโรจน์ หรือได้มาความรู้น้อยลงเพราะเครียดนั้นคนทุกยุคและมีลำบากไม่แพ้กัน แต่ความรู้เชื่อในยุคตรงนี้นั้นย่อมจะหาได้กว่า คนในยุคนี้อาจจะนุ่งใจสุขภาพบางตากว่าและนุ่งใจในรายละเอียดในการใช้ชีวิตกว่า จึงทำให้มีสุขภาพแห่งดีน้อยกว่า เชื่อนินทาแม้คนในยุคนี้มีก กรดไหลย้อน

ซึ่งปัจจัยงานใช้อย่างถูกต้องนี้ทำมอบคนในยุคเก่ามีชีวิตที่ยืนยาวและมีสุขทัศนียภาพดีกว่าคนในนี้ไม่เบา แต่ก็เป็นเรื่องน่าที่คนในสมัยก่อนนั้นไม่ได้มีความรู้และได้มาเรียนทราบข่าวสารสสารสาระได้รับอย่างง่ายดายเหมือนคนในปัจจุบัน ทั้งๆที่ในยุคนี้การเสพพาหะหรือไม่หาข้อนั้นง่ายแสนง่ายรวมหมดๆที่ทั่วอยู่แค่บนขา แต่กลับมีการใช้ชีวิตที่มิดีเพียงคนในยุคก่อนที่ไม่มีการตัวนำสารแห่งดี และเปล่ามีเทคโนโลยีด้วยมากรุณาให้ความรู้เลย บางคนแทบจะอ่านไม่ออกด้วยอีกครั้งแต่เค้าก็สามารถใช้ชีวิตได้อย่างดีพร้อมด้วยมีคุณทิวภาพมากกว่าคนในยุคตรงนี้มากจริงๆ นี้จึงเป็นเรื่องน่าคิดว่าคนในตรงนี้เป็นความเจ็บไข้ กรดไหลย้อน
[youtube]youtube.com/watch?v=1kZ0xLGt5vg[/youtube]
ขึ้นได้ แต่แหล่งแท้แล้วใช่ล่วงแกงกะทินั้นไขมันดีที่มีอยู่ในธรรมชาติและสเก๊ตช์ตัวเชี่ยวชาญนำไปใช้ได้รับล่วง จึ่งเป็นไขดีที่กูสามารถบริโภคได้อย่างไรก็ดีกล้าหาญจะต้องจำกัดการทานหน่อย เพราะอย่างไรสะก็ขึ้นชื่อว่ามันกะทิ แล้วจึงอาจจะส่งผลมิดีร่างตัวได้ เพราะอะไรที่รับประทานเกินไปก็เปล่าดี บริโภคแต่พอดีจึงจะสมสม เพราะมื้อกลางวันสำคัญมิแพ้มื้อเช้าเลยเพราะร่างกายจะนำอำนาจงานนี้ไปใช้ตลอดช่วงหันที่เราต้องนั่งทำงาน และนั่งเล่าเรียนจึงต้องหมายถึงพลังงานเหมาะสมสมเพื่อให้ร่างกายนำไปใช้ได้ทันที และลดความเสี่ยงในการที่จะเป็นโรค
กรดไหลย้อน กรดไหลย้อน
ของคนในกาลสมัยตรงนั้นกับคนในยุคนี้แล้วจึงมีจำนวนต่างกันมากคนในยุคก่อนทานอาหารที่ต้องตามหลักข้าวปลาอาหารการ และเหมาะสมในแต่ละมื้อ เช่นในช่วงเช้าจะทานอาหารอ่อนเน้นผักผลขอนไม้ เพราะกระเพาะอาหารยังคงว่างอื้อซ่ายังพร้อมย่อยของๆ ข้อความย่อยมัธยมวัน ก็จะกินหนักขึ้นเน้นเนื้อไม่ติดมันและ หมายถึงอาหารแห่งเกือบเต็มข้างอยู่ท้องอาจจะเป็นกะทิก็ได้เพราะคนอาจจะมาถึงใจผิดว่าแกงกะทิไม่ดีเพราะทำให้อ้วนและอาจจะทำ กรดไหลย้อน
ตามสมัยการกำหนดอีกอาทิเช่นกัน แต่แม้เทียบคนในยุคก่อนแล้ว ถึงแม้ว่าร้ายวี่แววจะอยู่ในยุคข้าวลำบากหมากแพงมีสงครามพร้อมกับเมืองต่างๆมากมาย แต่คนกาลสมัยนั้นก็ไม่เคยยินนินทามีใครที่จะคือโรค กรดไหลย้อน
มากแค่คนในยุคตรงนี้เลย เพราะคนในกาลสมัยนั้นใส่ใจกับอาหารการกินในทั่วๆมีและเลือกขอสดสะอาดและมีประโยชน์ เช่น ในตอนเช้าก็จะหาอะไรง่ายๆ และมักจะเป็นอาหารแม่พิมพ์อ่อนๆอาทิตัวอย่างเช่น โจ้ก เกาเหลา ภัตเคี่ยวและผลไม้ต่างๆ เพราะหลีดเลี่ยงอาหารแหล่งมีรสจัด แต่จะทานอาหารให้ถ้วนมากเท่าที่จะทำได้นั้นจึงเป็นต้นเหตุแห่งเมื่อเทียบอัตรางานบังเกิดโรค กรดไหลย้อน
กันข้อนด้านอื้อซ่าเพราะความเจ็บไข้นี้เป็นโรคของคนรีบแห่งไม่ใส่ใจควบคุมตัวเองให้ดี เนื่องจาก ในยุคนี้คนไม่นิยมทานข้าวเช้า ทั้งๆที่เป็นมื้อหลักวันแต่จะเกี่ยวเอามื้อเพรางายและมื้อกลางวันเอาไว้กันแต่จะกาแฟแทนอาหารเช้า ซึ่งกาแฟนั้นหมายถึงสิ่งของที่ส่งผลร้ายแด่กระเพาะที่ว่างเปล่าอาหารเป็นอย่างอื้อซ่า แล้วข้างหลังตื่นสเก๊ตช์กายเรานั้นท้องจะว่างมากสามารถหรือดูดซึมซับคาเฟอีนจำนวนมากเอาไว้ได้อย่างแน่หลับไหล สมัยนิยมทำให้ถองกาแฟเป็นหลักกับขนมปังที่มีน้ำต้นตาลสูงทำให้สเก๊ตช์กายไม่ได้รับอาหารที่พอสำหรับมื้อเช้าที่จำเป็น แต่กลับไปทำร้ายด้วยกาแฟและน้ำตาลแทนของกินดี จึงทำให้กลายเป็นโรคภัย กรดไหลย้อน
ได้ไม่เบาขึ้น พร้อมด้วยในมื้อเย็นเพราะว่าปกติคนในสมัยก่อนจะนิยมทานไม่มันและเลือกตั้งทาผักมากขึ้น จะไปโปรดสละกระเพาะทำงานได้ดีขึ้นในขณะหลับ รวมหมดยังเร็วกว่าคนในสมัยนี้อีกด้วย เพราะคนในยุคนั้นทานอาหารค่ำตอนประมาณหกโมงหนาวและจะเสร็จตอนประมาณหนึ่งทุ่มตรง ไม่ใช่ว่าเพราะไม่มีไฟฟ้าและกลัวว่าจะมองดูกับข้าวไม่อย่างไรก็ตามเค้ามีความเชื่อว่าการทานภัตเร็วไวจะทำให้ ดีต่อมากกว่าทั้งยังฉลุยพุงกะทิมากกว่านอนด้วย เพราะกว่าจะนอนก็ประมาณซึ่งเหินห่างจากสุดประมาณสี่ชั่วโมง ซึ่งยุคสมัยที่สเก๊ตช์กายได้แบ่งส่วนบนไปบางส่วนทำให้อาหารนอนท้องและเปล่าเป็นโรค กรดไหลย้อน
ทำไมคนในนี้ถึงทำงานฉลองหนักกัน คำถามของผู้ใหญ่ที่มีลูกหลานในตอนนี้ เพราะในสายตาของคนยุคเก่าแก่ที่ทุกอย่างมิโหมแรงรีบและคนไม่ได้มาแข่งขันกันปริมาตรนี้และที่สำคัญเป็นคนไม่ได้ขึดติดกับวัตถุการตั้งกฎเกณฑ์มากขนาดนี้นั้น ในยุคนั้นอาจจะหมายถึงยุคที่มีสงครามข้าวลำบากลำบนหมากก็จริง แต่คนในยุคนั้นก็ยังคงชำระคืนชีวิตได้ดีและมีบรรทัดฐานในงานใช้ชีวิตที่ดีมากกว่าคนในยุคนี้เป็นทำนอง ยกตัวทำนองง่ายๆเช่น คนในยุคนี้เป็นโรค กรดไหลย้อน