ยุคนี้เรียกได้ว่าเป็นยุคของเทคโนโลยี ที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตของเราเป็นอย่างสูง และสิ่งเอื้ออำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่สร้างขึ้นหรือกำเนิดขึ้นมาให้สนองความอยากของลูกค้า ซึ่งหนึ่งในนั้นก็หมายถึง พาวเวอร์แบงค์
หรือที่หลาย ๆ คนรู้จักกันในชื่อของแบตเตอรี่สำรอง ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่มีความจำเป็นอย่างมากมายในสมัยปัจจุบันเพราะว่าด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ผู้คนหันไปนิยมใช้โทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟน และเล่นกันได้ทั้งวัน แทบจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของการดำเนินชีวิตในทุกวันไปเลยก็ว่าได้ โดยสำหรับบางคน ลืมตาตื่นมา ก็หยิบโทรศัพท์มาเช็ค Line,Facebook,Twitter กันเป็นอันแรกก่อนจะลุกไปทำความสะอาดร่างกายทำธุรเฉพาะบุคคลในเช้าเลยก็ว่าได้ ซึ่งผม เป็นหนึ่งในนั้น ไม่ว่าจะทำอะไร เราก็มักจะติดเล่นโทรศัพท์มือถือไปด้วยตลอด ทั้งเข้าห้องน้ำ กินข้าว หรือแม้แต่นั่งรถยนต์สังเกตได้จากผู้คนที่ขึ้นรถไฟฟ้า หรือรถโดยสารประจำทาง ต่างคน ก็ต่างนั่งเล่นโทรศัพท์ และก็ไม่แตกต่างที่ในหนึ่งวัน แบตเตอรี่ของโทรศัพท์ก็จะไม่พอใช้ หรือหมดสิ้น ซึ่งสิ่งที่มาแก้ไขปัญหานี้ ก็หนีไม่พ้น แบตสำรอง หรือ พาวเวอร์แบงค์
ที่มียี่ห้อ และขนาดมาก ราคาอาจจะสูงกว่ารุ่นปกติที่มีความจุน้อย แต่หากเราซื้อมาใช้ ก็เน้นที่มันมีคุณภาพและได้หลักเกณฑ์จะดีที่สุดนะครับเรื่องที่ 3. เรื่องประเภทของแบตเตอรี่ เรื่องราวนี้ก็ถือว่าสำคัญไม่แพ้กัน เพราะในการผลิตแบตเตอรี่สำรองนั้นจะมีชนิดของแบตอยู่ 2 แบบ คือ 1.แบบลิเธียมไออน และ 2.แบบลิเธียมโพลิเมอร์ โดยหากเพื่อนฝูงๆ จะเลือกซื้อ ผมแนะนำว่า ควรเลือกซื้อที่เป็นแบบ ลิเธียมโพลิเมอร์ เพราะว่าจะมีสมรรถนะที่สูงกว่า แต่ราคาก็อาจแพงกว่านะครับ เรื่องที่ 3. เรื่องราวของความเร็วการคายประจุ เรื่องนี้ก็สำคัญไม่แพ้กันเนื่องจากในตัวแบตเตอรี่สำรองนั้น ถ้าหากเราทิ้งแบตสำรองไว้ ความจุของมันจะค่อย ๆลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ แต่เรื่องนี้ก็ยังไม่มีออกมาเป็นที่แน่ชัด ว่ายี่ห้อไหนที่มีการคายประจุได้รวดเร็วกว่ากัน แต่หากเป็น พาวเวอร์แบงค์
เพราะสามารถใช้งานได้ทุกๆ ที่ทุกเวลาโดยไม่ต้องพึ่งปลั๊กไฟ และในวันนี้ เรามาแนะนำเรื่องของการเลือกซื้อ ว่าเราควรดูยังไงบ้าง และมีวิธีการดูแลรักษาไอเจ้าอุปกรณ์ชิ้นนี้อย่างไร ไปดูกันครับก่อนอื่นเลยสิ่งที่เราต้องรู้จักมักคุ้นกันซะก่อนคือหน่วยของความจุของแบตเตอรี่ ซึ่งในสมาร์ทโฟนแต่ละรุ่น จะมีจำนวนความจุที่ไม่เท่ากัน และหน่วยของมันก็คือ mAh หรือมิลลิแอมป์ต่อชม. ซึ่งในส่วนของเจ้าแบตสำรองนี้ ก็มีหน่วยเป็น mAh เช่นเดียวกัน ยิ่งค่าความจุเยอะแค่ไหน ก็จะทำให้ยิ่งสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้มากเท่านั้น ซึ่งวิธีการคัดเลือกซื้อนั้น เราควรพิจารณาจากอะไรบ้าง มาลองดูกันครับเรื่องที่ 1. เรื่องราวของความจุของเจ้า พาวเวอร์แบงค์

ที่มีราคาถูก การคายประจุจะเร็วกว่าอันที่เป็นยี่ห้อดี ๆ และราคาสูงกว่า เพราะฉะนั้น อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับเพื่อนพ้องๆ แล้วว่า ต้องการแบบไหน แต่ถ้าใครไม่ได้ซีเรียส ก็เน้นแค่ว่า ให้เราสามารถใช้พอในแต่ละวันก็เพียงพอแล้วครับเรื่องที่ 4. เรื่องสุดท้ายนี้เป็นเรื่องของการสำรวจอุปกรณ์ที่เราใช้ ว่าสมาร์ทโฟนที่เราใช้นั้น มีความจุของแบตเตอรี่เท่าไหร่เพื่อให้เราสามารถคำนวณและซื้อหาpower bank มาใช้ได้อย่างพอเพียงตลอดวันครับโดยหากเป็นพวก iphone อาจมีความจุน้อยกว่ายี่ห้ออื่น ๆ และแบตหมดไวมาก เพราะเช่นนั้น เพื่อน ๆ ต้องหาข่าวคราวให้ดี ๆ ว่าโทรศัพท์เรานั้นมีความจุเท่าไร เพราะจะได้ไม่เป็นการเสียสตางค์ที่เสียเปล่าครับ เพื่อการใช้งานสะดวกสบายราบรื่นตลอดวันของเราครับต่อไปเราจะมาเล่ากันถึงเ
พาวเวอร์แบงค์ พาวเวอร์แบงค์
[youtube]youtube.com/watch?v=4oPqyCpi0AI[/youtube]
สิ่งที่เราต้องรู้ว่าเราควรซื้อหาแบบไหน อย่างแรก เราจะต้องเข้าใจก่อนว่าโทรศัพท์หรือสมาร์ทโฟนที่เราใช้นั้น มีความจุเท่าไหน เพื่อให้เราคำนวณการใช้งานเพื่อให้พอใช้ในแต่ละวัน และโดยปกติธรรมดาแล้ว power bank จะมีความจุตั้งแต่ 2,000-30,000 mAh โดยอย่างที่บอกไปแล้วข้างต้นว่า หากแบตสำรองยิ่งมีความจุมากเท่าใด ก็จะยิ่งบรรจุไฟได้มาก และเราก็สามารถใช้ได้นานเยอะขึ้นด้วย แต่สิ่งที่ต้องยอมรับก็คือ เรื่องของเวลาในการชาร์จแบตให้กับเจ้า powerbank ก็คงจะใช้เวลานานมากกว่าพวกความจุน้อย โดยปกติธรรมดาหากเป็นอันที่มีความจุ 20,000 mAh ขึ้น อาจจะต้องใช้เวลาในการชาร์จให้เต็มเป็น 10 ชม.ก็ได้และในเรื่องของสนนราคาก็อาจจะสูงขึ้น หรือแพงกว่ารุ่นที่แอมป์น้อย ๆ ด้วย ดังนั้น ข้อนี้ ก็แล้วแต่ความอยากของเพื่อน ๆ ว่าอยากได้ปริมาณความจุแค่ไหนนะครับเรื่องที่ 2. เรื่องของราคา เป็นที่แน่นอนอยู่แล้วว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องทีสำคัญต่อการตกลงใจของเพื่อน ๆ หลาย ๆ ท่านเลยก็ว่าได้ เพราะว่าราคาจะมีเริ่มต้นตั้งแต่หลักร้อยถึงหลักพันเลยทีเดียว โดยหากเป็น พาวเวอร์แบงค์