ค่อนข้างลำบาก เพราะถ้าทำผิดวิธีการอาจจะทำให้ที่นอนของท่านยิ่งเป็นแหล่งรวบรวมของเชื้อโรค ถ้าหากเป็นไปได้นำออกไปผึ่งแดดฆ่าเชื้อได้จะยิ่งได้ผลดีกว่าการปล่อยให้แห้งในที่ร่ม ทำความสะอาดที่นอน
ยิ่งไปกว่านี้เรายังมีเคล็ดลับดีๆในการป้องกันที่นอนให้ถูกวิธีและช่วยทะนุถนอมยืดอายุการใช้งานของที่นอนให้ยาวนานขึ้นมาฝากด้วย เพราะว่าเตียงนอนราคาก็ไม่ใช่ถูกๆเลยใช่ไหมคะ เราก็ต้องการใช้ให้ได้นานที่สุด ดังนั้นการหลีกเลี่ยงให้มันเป็นแหล่งหมักหมมสิ่งสกปรกมักจะดีที่สุด วันนี้เราจึงมาแชร์เทคนิคให้คุณแม่และทุกคนที่อยากทะนุถนอมเตียงนอนนำไปใช้ค่ะ ทำความสะอาดที่นอน
อย่าลืมถอดพลาสติกหุ้มที่นอนออก บางท่านชอบที่จะปล่อยพลาสติกที่หุ้มที่นอนทิ้งไว้โดยไม่แกะออก แล้วก็ปูผ้าปูที่นอนทับเลย รู้แหละค่ะว่าอยากให้มันดูใหม่อยู่เสมอ กลัวเปรอะรอยอะไรต่างๆนานา แต่ว่าการใช้งานของที่นอนจะลดศักยภาพลงไป 50% เลยทีเดียวนะคะ เนื่องจากความยืดหยุ่นของที่นอนก็จะลดลงทำให้นอนไม่สบายยิ่งกว่าเตียงที่แกะพลาสติกออกอีกทั้งยังทำให้ที่นอนระบายอากาศได้ยากเป็นมูลเหตุของความอับชื้นนั่นเอง และในที่สุดเมื่อเราใช้ที่นอนของเราถัดจากนั้นอีกไม่นานพลาสติกก็จะเริ่มเสื่อมสภาพ กรอบแห้งและจะค่อยๆขาดออกมา นั่นคืออย่างไรก็ตามในวันนึงเราก็จำเป็นจะต้องแกะพลาสติกออกอยู่ดี แม้ว่ามันจะช่วยปกป้องรักษาฝุ่นและรอยได้บ้างแต่ถ้าเปรียบกับประสิทธิภาพที่ลดลงก็ไม่คุ้มค่าอย่างแน่นอน แนะนำให้เปลี่ยนมาใช้เป็นผ้าปูรองพื้นอีกชั้นก่อนที่จะห่มผ้าปูที่นอน เป็นการกันเลอะเทอะที่ทำให้เตียงนอนยังได้ประสิทธิภาพเหมือนเดิมมิหนำซ้ำอาจจะนุ่มยืดหยุ่นได้กว่าเดิ ทำความสะอาดที่นอน
ห้องนอนหลับคือสถานพักผ่อนหย่อนใจที่ดีสุดของบ้าน แน่นอนว่าห้องหับที่เราใช้เพื่อการพักสมองนั้นจำเป็นต้องมีบรรยากาศที่ดี สะอาดถูกสุขอนามัย และที่สำคัญต้องปลอดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ บรรยากาศที่ดีจะช่วยทำให้เราหย่อนใจ คุณแม่หลายๆคน อาจจะมีปมปัญหาที่ว่า รักษาห้องนอนหลับอย่างดี หมั่นทำความสะอาดไม่ให้ฝุ่นจับ แต่กลับกลายเป็นว่าลูกน้อย ดั๊นมาฉี่ใส่ฟูกเป็นเหตุให้ทั้งห้องนอนเหม็นตลบอบอวนไปได้กลิ่นฉี่ หรือกระทั่งเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน กลิ่นมันก็จะตลบอบอวนหมุนกันอยู่ภายในบ้าน ทำให้แขกไปใครมาก็รู้เลยว่าบ้านนี้มีผู้เยาว์แน่นอน เมื่อการ ทำความสะอาดที่นอน
ถูกเฉยเมย ไม่ได้รับการป้องกันเอาใจใส่ ทำให้คราบยิ่งฝังลึก กลิ่นก็เช่นกัน สิ่งสกปรก ฝุ่นละออง และรอยเปื้อนปัสสาวะของเด็กก็สะสมอยู่ตามเนื้อผ้าจนเป็นเหตุให้เตียงนอนและผ้าปูต่างๆที่เคยใหม่สีสันสดใสเริ่มค่อยๆที่จะหมองและเหลือง มีกลิ่นอับและรอยด่างเด่นชัดมากขึ้น และอาจจะกลายเป็นแหล่งเชื้อโรคในไม่ช้า แม่ลูกอ่อนบางคน พยามที่จะทำจัดการกับกลิ่นฉี่ของลูกด้วยการ ทำความสะอาดที่นอน
ให้ลูกท่านแล้ว โดยเริ่มทำที่นำเอาผ้าเช็ดตัวที่ไม่ใช่แล้วมารองซ้อนไว้ที่ร่องรอยนั้นแล้วก็นำทิชชู่แบบหนามารองไว้อีก1ชั้นด้วยเพื่อระแวดระวังไม่ให้ที่นอนเปียกแล้วเกิดปมปัญหาอับชื้นตามมา เคล็ดคือต้องเริ่มลงมือทำทันทีหลังจากที่ท่านพบว่าลูกของคุณฉี่รดที่นอน เพื่อไม่ให้มันซึมลึกไปถึงชั้นใยเตียงและเมื่อใช้วิธีที่กล่าวมาข้างต้นเราจะสามารถซึมซับฉี่ออกไปได้บ้างเล็กน้อย ต่อจากนั้นก็นำผ้าเช็ดตัวหรือไม่ก็ผ้าขนหนูอีกผืนมาซับน้ำหมาดๆแล้ววางลงไปที่รอยคราบฉี่ ค่อยๆนำน้ำเปล่าสะอาดลงมาเทตามลงไปทีละเล็กละน้อย ห้าม!!เทเยอะเด็ดขาด และทางทีดีควรจะใช้เป็นน้ำอุ่นค่อนไปทางร้อน เพื่อที่จะเป็นการช่วยทำลายเชื้อไปอีกทาง นำผ้าขนหนูกดซับไปทีละนิดๆเพื่อซับรอยคราบเหลืองออกไป เสร็จแล้วก็ใช้ฟ็อกกี้ฉีดน้ำส้มสายชูผสมน้ำเปล่าเล็กน้อยพรมลงไปบนคราบให้ทั่ว ทิ้งเอาไว้สักครูแล้วใช้แป้งฝุ่นทาตัวของเด็กที่มีกลิ่นหอมและมีสรรพคุณช่วยกำจัดกลิ่น หรือว่าใช้เบกกิ้งโซดาก็ได้ เนื่องจากมีสรรพคุณในการช่วยกำจัดกลิ่นและลดความอับชื้น อีกทั้งยังช่วยฆ่าเชื้อได้ด้วย วิธีการนี้จะเป็นการช่วยซึมซับน้ำด้วยอีกทางนึง หลังจากทำขั้นตอนทุกอย่างเสร็จสิ้นเรียบร้อยก็ให้ทิ้งเอาไว้ให้แห้ง อาจจะใช้ไดร์เป่าช่วยได้เพราะว่าถ้าทิ้งให้เปียกน้ำนานๆอาจจะทำให้อับชื้นได้ การ
ทำความสะอาดที่นอน ทำความสะอาดที่นอน
ก็แล้ว เปลี่ยนผ้าปูก็แล้ว แต่กลิ่นก็ยังฝังลึกไม่หมดไปสักที ครั้นจะจ้างเอาก็เกรงเสียเงินเยอะ เพราะลูกยังเด็กก็มั่นใจได้เลยว่าเรื่องราวการฉี่รดที่นอนเป็นเรื่องราวที่ต้องเจออีกบ่อยๆแน่นอน วันนี้เรานำเคล็ดลับดีๆมาฝากสำหรับคุณแม่ที่กำลังปวดหัวกับการ ทำความสะอาดที่นอน

อยู่ ลองนำเคล็ดลับนี้ไปใช้กันนะคะ การันตีว่าคุณจะกำจัดตัวปัญหานี้ได้ดีกว่าเดิมทีเดียว ทำความสะอาดที่นอน
เครื่องมือที่ต้องก็หาไม่ยากหยิบในบ้านท่านนั่นแหละ สิ่งที่จำเป็นต้องมีได้แก่ ผ้าเช็ดตัวหนาๆ น้ำส้มสายชู เบกกิ้งโซดา และแป้งฝุ่นสำหรับเด็ก เมื่อเตรียมของครบก็ได้เวลาเริ่ม ทำความสะอาดที่นอน