ยังต้องอาศัยปัจจัยอื่นๆอีก เป็นต้นว่า เงื่อนไขการบริการหลังการขาย การรับประกัน ราคาอะไหล่ รวมถึงอุปกรณ์เสริมต่างๆ เรื่องของราคาพวกนี้ ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ เพราะว่าว่า ตัววิทยุเอง ไม่ได้ออกรุ่นใหม่มาบ่อยๆ เพราะฉะนั้น รุ่นที่เราเลือกใช้ อาจจะออกมาหลายปีแล้ว หรือไม่ก็อยู่ไปอีกหลายปี เราจึงต้องพิจารณาถึงอุปกรณ์ อะไหล่ต่างๆเวลาเปลี่ยนหรือว่าซ่อมด้วย รวมไปถึงในเรื่องของ ระยะเวลาในการเคลมด้วยว่า มีความเร็วเพียงใด ถึงกระนั้นก็ตาม เชื่อแน่ว่า อีกสิ่งหนึ่งที่คนมักให้ความหมายมากก็คือ เรื่องของรูปแบบภายนอก ความถนัดมือในการจับ ความสละสลวย หรือการใช้งาน เนื่องจาก คนเรามีความชอบที่แตกต่างกันไป ถามสามารถเลือกสิ่งที่ถูกใจมากที่สุด ด้วยว่าตนเองได้ คงจะเป็นการดีกว่านี่อาจจะเป็นแนวทางพิจารณาในเบื้องต้น ซึ่งการพิจารณาโดยละเอียด เราจำเป็นจะต้องดู รายละเอียดปลีกย่อยหรือสเป็กเครื่องนั่นเองสเป็กเครื่องของ วิทยุสื่อสาร
นับว่ายังได้รับความนิยมต่อเนื่องเพราะว่าในยุคปัจจุบัน โดยโดยมากแล้ว จะมีคลื่นวิทยุมากหลายความถี่ ภายใต้กฎหมายบันทึกอย่างไรก็ตามด้วยการที่มีคลื่นความถี่เพื่อประชาชนหรือที่เราเรียกว่า CB ความถี่ 245 เมกะเฮิร์ตซ์ เป็นเหตุให้ปรากฏการใช้งานในวงกว้างภายในหมู่ นักวิทยุสมัครเล่น ขันอาสาต่างๆรวมไปถึง สถานประกอบการ ร.ง. บริษัท ต่างๆด้วย อย่างไรก็ตาม แม้ว่า ไม่มีการเรียนรู้ในเรื่องของการใช้งานมาก่อน คุณอาจเป็นผู้กระทำผิดกฎหมาย ก็เป็นได้ ซึ่ง เครื่องวิทยุในคลื่นความถี่สำหรับประชาชนนี้ แยกออกเป็นอีกสามกลุ่ม ชนิดแรกคือ เครื่องติดตั้งในรถยนต์ จะต้องมีใบอนุญาตในการใช้งาน ประเภทที่สอง เครื่องวิทยุมือถือ กำลังส่ง 5 วัตต์ จะต้องมีใบอนุญาตเหมือนกัน และกลุ่มที่สาม เครื่องวิทยุมือถือ กำลังส่ง 0.5 วัตต์ ไม่ต้องขอใบอนุญาตครับ ซึ่งลักษณะ กำลังส่ง 0.5 วัตต์ ได้รับความนิยมชมชอบตามบ. อาคารสถานที่ ร.ง.ต่างๆเพราะว่าสามารถคุยกันได้ในรัศมีประมาณ 1-3 กิโลเมตร ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานอยู่แล้ว สำหรับในสถานที่จำพวกตึก คลังสินค้าจะมีประสิทธิภาพในการใช้งานลดลงมาเล็กน้อยครับจากการที่ วิทยุสื่อสาร
เรื่องราวของ วิทยุสื่อสาร
จำแนกเป็นสามกลุ่ม ดังนั้นแล้ว ก่อนที่คุณจะเลือกสรรเครื่องวิทยุมาใช้งาน ก็ต้องถามวัตถุประสงค์ของตัวเราก่อนครับว่า จะนำมาใช้งานอย่างไร โดยมากแล้ว นักวิทยุสมัครเล่น มักจะเลือกแบบเครื่องมือถือเนื่องจากว่าว่าสามารถพกพาได้สะดวก อีกทั้งมีราคาที่ถูกกว่ากันมาก แต่สำหรับผู้ที่ต้องการกำลังส่งแรงๆ จะต้องใช้แบบรถยนต์ครับ โดยมากแล้วจะนิยมในหมู่หน่วยงาน อาสาสมัครต่างๆ แต่สำหรับผู้ที่ซื้อเครื่องแบบรถยนต์แต่นำมาใช้ในบ้าน ก็ไม่ได้ผิดกติกาอะไรครับ ได้ความถี่ที่แรงมากกว่าอยู่แล้ว ส่วนใครที่อยากจะใช้ในธุรกิจของตนเอง ก็มักจะเลือกแบบ กำลังส่งไม่เกิน 0.5 วัตต์ เนื่องมาจากเป็นการติดต่อกันในระยะที่ไม่ไกลมากครับ มีราคาที่ถูกกว่า และไม่ต้องยุ่งยากในการขอใบอนุญาตอีกด้วย สำหรับในเรื่องของราคา ก็ขึ้นอยู่กับชนิด ตามที่เรากล่าวมา อย่างไรก็ตาม ในแต่ละประเภท ก็จะมีหลากหลายรุ่น ราคาแตกต่างกันไป วิธีการซื้อที่คุ้มมากที่สุดก็คือ ซื้อในช่วงลดนั่นเอง โดยมากแล้ว บรรดาร้านขายอุปกรณ์วิทยุนั้น จะมีการจัดงานลดราคาประจำปี หรือไม่ก็ตามเทศกาลต่างๆอยู่เป็นประจำครับเรื่องยี่ห้อของ วิทยุสื่อสาร
[youtube]youtube.com/watch?v=z_7WtWc3D_0[/youtube]
ก็เป็นเรื่องที่มีความสลักสำคัญครับ เพราะในยุคปัจจุบันมีหลากหลายยี่ห้อเป็นอย่างมาก โดยในความถูกต้องแล้ว จะต้องได้รับอนุญาตให้ใช้ได้ก่อน ถึงจะสามารถนำเข้าและจัดจำหน่ายในเมืองไทยได้ครับ ตราที่เราคุ้นเคยก็อาทิเช่น Motorola, Icom,Kenwoodแน่นอนครับว่า ตราดั้งเดิมที่มีมาตรฐาน ย่อมถูกยอมรับมากกว่า ยี่ห้อใหม่ๆ ส่วนใหญ่แล้ว พวกยี่ห้อเหล่านี้จะผลิตจากประเทศญี่ปุ่น แต่สำหรับปัจจุบันมีการผลิตจากประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะจีน มากยิ่งขึ้น ซึ่งวิทยุที่ผลิตจากประเทศจีน หากว่าเป็นยี่ห้อมาตรฐาน คุณภาพการผลิตก็เทียบเท่ากับการผลิตจากประเทศอื่นๆครับ เว้นเสียแต่ว่า เป็นของไม่มีเครื่องหมายการค้า และไม่ได้รับอนุญาตให้จำหน่ายอย่างถูกต้อง พวกนี้เราจะไม่สามารถประกันในเรื่องของคุณภาพได้ อีกเรื่องที่ควรพิจารณาคือ รุ่น ของแต่ละยี่ห้อครับ โดยชื่อของรุ่น จะมีมากมาย โดยความผิดแผกแตกต่างอาจจะเป็นเพียงแค่รูปลักษณ์ หน้าตา ส่วนอื่นๆเหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่แล้ว จะเป็นการจำแนกตามคุณสมบัติมากกว่า โดยจะมีการข้อมูลออกมาว่า ตราไหน รุ่นไหนสามารถใช้ได้บ้าง นอกจากนั้นนั้นแล้ว การเลือกสรร
วิทยุสื่อสาร วิทยุสื่อสาร
ที่เราต้องนำมาเป็นข้อมูลในการพินิจพิจารณา อย่างแรกคือ ความถี่ โดยจะต้องคำนึงดูว่า เครื่องที่เราต้องการสามารถรับความถี่ในการใช้งานของเราได้หรือไม่ หากว่าใช้ไม่ได้ ก็เท วิทยุสื่อสาร