เผื่อมันท่วมมาถึงที่อยู่อาศัยเราจริง จะได้มีไว้ขนถ่ายคนในบ้าน และต้องบอกก่อนว่า บ้านผม มีคุณตา ยาย ซึ่งแก่และแกเป็นคนที่หวงบ้านมาก แต่ในเวลานั้น น้ำยังมาไม่ถึงครับ เราได้แต่หารือกัน ว่าถ้าสมมุติมันมาถึงบ้านเราจริง เราจะเอายังไงกัน แต่ทางพ่อของผมเอง ก็ไม่ฟังและบอกว่า ถึงมันมา เดี๋ยวมันก็ลด ผมก็เลยไม่อยากแย้งกับเขาครับ ก็รอดูต่อไป สักพักมีข่าวคราวว่า ฝายกั้นตรงแถวม.รังสิต พัง น้ำทะลักเข้ามา ท่วมแถวเขตนั้นแล้ว ซึ่งบ้านของผม ก็อยู่ไม่ได้ห่างจาก ม.รังสิตมากนัก ก็เลยเริ่มใจเต้นขึ้นมา ณ ตอนนั้น ยังคุยเล่น ๆ กับเพื่อนอยู่เลยครับ ว่าเห้ย บ้านน้ำท่วมยัง เพื่อนบอกว่า เริ่มมีซึม ๆ ขึ้นมาจากท่อบ้างแล้ว ไอบ้านผมก็เริ่มมีมาบ้าง แต่ไม่ได้มากมายอะไรมาก ตอนแรก ก็เลยบอกพ่อว่ามันเริ่มมาแล้วนะคุณพ่อจะไปหา เรือกู้ภัย
ถ้าหากพูดคุยกันถึงเรื่องของเหตุภัยธรรมชาติต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ภัยแล้ง น้ำท่วม วาตะภัย ในเมืองไทยนั้น ล้วนเกิดจากฝีมือของคนอย่างเราทั้งสิ้น แต่เรื่องราวที่จะมีขึ้นได้บ่อยครั้งที่สุด พร้อมกับก่อความเดือดร้อนได้บ่อยครั้งมากก็คงหลีกเลี่ยงไม่พ้นเรื่องของน้ำท่วม หรือ น้ำท่วมที่มีขึ้นตามต่างจังหวัด หรือแม้แต่ในกทม. ก็เคยปรากฏมาแล้ว และเมื่อมีเหตุเกี่ยวกับอุทกภัยสิ่งที่จะช่วยเหลือเอื้ออำนวยความคล่อง และช่วยเหลือใครก็ตามได้ นั้นก็หนีไม่พ้น เรือกู้ภัย
ที่ปฏิบัติภารกิจตั้งแต่ช่วยเหลือผู้ประสบเหตุเภทภัยรวมไปถึงช่วยเหลือในเรื่องราวของการส่งข้าวสารอาหารแห้ง ให้กับทางผู้พบภัยพิบัติด้วย หากสำหรับตัวข้าพเจ้าเอง จะมาเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์น้ำท่วม ที่เคยพบเจอมากับตัวเอง และได้รับการช่วยเหลือต่าง ๆ รวมทั้ง การแสดงถึงความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของคนไทยด้วยกันเองด้วยครับ เพราะว่าผมต้องบอกก่อนเลยว่า หากวันนั้น ผมไม่ได้เพื่อน ๆ และทีมกู้ภัยมาช่วยเหลือป่านนี้ครอบครัวผมคงแย่ไปแล้วครับ เรือกู้ภัย
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อปีที่ กรุงเทพฯ น้ำท่วม มิตรสหายๆ คงจะกันได้นะครับ เมื่อราวๆปี 2554 ได้ คือ ณ ตอนแรกที่น้ำจะล้นเนี่ย เราก็ได้ยินข่าวคราวมาบ้างแล้ว ว่ามีน้ำท่วมจากทางตอนเหนือ ไหลลงมาสู่ กทม โดยก่อนจะมาถึงที่พักอาศัยผมนั้น ทางตอนเหนือก็ได้มีอุทกภัยมาก่อนแล้ว ผมดูจากทีวี ก็เห็นพี่น้องช่วยเหลือกันมาก ทั้งเอา เรือกู้ภัย
ไปคอยช่วยขนส่งให้กับผู้คนที่ประสบเหตุโดยในข่าว ก็มีบอกอยู่แล้ว ว่าน้ำจะไหลลงมา ยัน กรุงเทพฯ ซึ่งส่วนตัวผม ไม่ได้สนใจอะไร เพราะคิดว่า มันออกจะไกลตัว และอีกอย่าง กรุงเทพมหานครแทบไม่เคยมีเหตุการณ์น้ำท่วมหนักหนาอะไร เต็มที่ก็น้ำท่วมขังจากฝนตกปกติธรรมดาเราก็ไม่ได้สนใจอะไรเลยและไม่คิดว่าจะมีวันท่วมมาถึงที่อยู่อาศัยเราด้วย สักพักก็มีประกาศว่าน้ำมาถึงอยุธยา ทีนี้ผู้คนก็เริ่มแตกตื่น โดยผมบอกก่อนว่า บ้านผมอยู่แถว ๆ ดอนเมืองนะครับผมณ ตอนนั้น ผมก็เรียนอยู่ ม.รังสิต ก็เห็นมีข่าวสารมี ให้ระดมคนไปช่วยกันทำฝายกั้นน้ำ บรรจุกระสอบทรายกัน เพื่อระแวดระวังไม่ให้น้ำไหลผ่าน โดยตัวข้าพเจ้าเอง ก็ได้ไปช่วยและเริ่มเห็นน้ำว่า มีน้ำซึมออกมาตามท่อ ซึ่งในตอนแรก ก็ไม่ได้ขึ้นเร็วอะไรเลย แต่มันขึ้นเรื่อย ๆ ไม่มีลด ตัวผมเองก็เริ่มใจไม่ดีละ มาคุยกับที่บ้าน พวกคนในครอบครัว ก็ปรึกษากันว่า จะซื้อหาเรือกันดีไหม แบบที่มันเป็นคล้ายๆ เรือกู้ภัย
เอาไว้บ้างแล้ว ที่นี้ก็เริ่มใจคอไม่ดีแล้วครับผมเพราะในใจผมเองเนี่ย คิดว่า มันน่าจะมีโอกาสท่วม และพอครู่หนึ่ง น้ำมันเริ่มท่วมจริง ๆ โดยมาจากท่อต่าง ๆ ซึมขึ้นมาเรื่อย ๆ จนคนเริ่มอพยพหนีไปหมดแล้ว หมู่บ้านที่ผมอยู่นี้ เงียบเหงากันเลยทีเดียว ผมกับทางครอบครัว ก็ยังมีหวังว่ามันจะลด ก็หาเครื่องปั๊มน้ำ มาดูดน้ำจากบ้าน และก็ทำกระสอบทรายเอามากั้นน้ำไว้ เพื่อระแวดระวังไม่ให้น้ำเข้าบ้าน แต่ในที่สุด มันก็เข้าบ้านจนได้ และเราก็ดูดน้ำจากข้างในออกข้างนอก เรื่อย ๆ ตลอดวันทั้งคืน โดยการสลับเวรกัน ช่วยกันดูเพื่อไม่ให้น้ำเข้าบ้านเรามากครับ แต่ในที่สุด ก็ไม่ไหวครับ น้ำขึ้นไปจนถึงต้นขาบนแล้ว และบ้านเรือนผมเป็นบ้านชั้นเดียว ก็เลยมาปรึกษาหารือกันใหม่ ว่าเราจะเอาไงกันดี เนื่องจากมันเริ่มท่วมขึ้น ๆ ไม่มีทีท่าว่าจะเบาบางลงเลยแม้แต่น้อย และอีกอย่าง การถ่ายอะไรก็เริ่มลำบากมากขึ้น คุณพ่อเลยตกลงใจ ทิ้งบ้านไว้ และให้พวกเราออกไป และหนีไปอยู่ ต่างจังหวัดกันครับ แต่อุ
เรือกู้ภัย เรือกู้ภัย

มาไว้ก่อนไหม เผื่อเอาไว้พาตายายออกไป ถ้ามันท่วมหนัก พ่อก็บอกว่า เดี๋ยวมันก็ลด พ่อท่านบอกว่า อาศัยที่ดอนเมืองมา 20 กว่าปี ไม่เคยเจอท่วมสูงเกินหัวเข่าเลย เต็มทีก็เกินเข่า และอีกอย่าง ดอนเมืองเป็นพื้นที่สูง น้ำมาไม่ถึงหรอก ถ้าไม่เช่นนั้น สนามบิน คงเจ๊งด้วยแล้ว ส่วนตัวผมก็ยังคงออกไปซื้อของตามปกติแต่ก็เริ่มเห็นบางบ้านมีการเตรียม เรือกู้ภัย