ชมรมเจ้ามือหวย
 
*
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน เมษายน 29, 2024, 02:21:23 am


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น


ผลสลากกินแบ่งรัฐบาลงวด 16 กรกฎาคม 2565 รางวัลที่ 1 620405 รางวัล3ตัวหน้า 159 834 รางวัล3 ตัวท้าย 279 061 รางวัลเลขท้าย 2ตัว 53




เว็บโปรแกรมเจ้ามือหวย



ทำงานแบบมีหลักการ ไม่กล้าจนเกินตัว ไม่กลัวจนเกินเหตุ
ปณิธานของชมรมเจ้ามือหวย
ทางชมรมเจ้ามือหวย หวังแค่เพียงเพื่อนๆ อยู่กันแบบเป็นพี่เป็นน้อง จริงใจ ให้เกียรติซึ่งกันและกัน
ร่วมมือกันในการแบ่งปันข้อมูล มีอะไรดีๆ ก็นำเสนอแก่เพื่อนสมาชิก เพื่อเป็นแนวทางในการทำงาน
หรือระวังป้องกันให้ชาวชมรมได้อยู่ในวงการตลอดไปนานเท่านาน
ขอบคุณจากใจจริง
nongnai


หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: [SIZE=3]งานการศึกษาค้นคว้าที่ก่อให้มีทางรักษาเอดส์ให้หายสนิทได้จริงๆหรือ [/SIZE]  (อ่าน 2025 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
bubai127Topic starter
สามัญ
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เข้ามาล่าสุด:เมษายน 06, 2015, 03:41:00 pm
กระทู้: 1

ระบบปฏิบัติการ::
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
บราวเซอร์::
Chrome 21.0.1180.83 Chrome 21.0.1180.83


เว็บไซต์
« เมื่อ: มีนาคม 23, 2015, 11:33:58 am »

   สวัสดีครับ สิ่งที่ผมจะมาเสนอและเขียนในวันนี้เป็นข้อมูลที่ได้อ่านและฟังมาจากที่ต่างๆมากมายเกี่ยวข้องการก้าวหน้าทางการแพทย์ ที่พยายามจะหาหนทางในการที่จะทำการรักษาโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ในครั้งนี้ผมจะอ้างอิงถึงโรคเอดส์ โรคเอดส์นั้นผมได้ติดตามและศึกษาเรียนรู้ทำความรู้จักมาตั้งแต่ตอนที่ยังศึกษาเล่าเรียนมัธยมจวบจนกระทั่งปัจจุบันนี้ ที่ผมศึกษานั้นไม่ได้หมายความว่าผมเป็นเอดส์นะครับ แต่เพื่อนผม ลูกน้องที่บริษัท คนรู้จาก ญาติของหรือใครก็ตามที่เรารู้จัก ดันเป็น แล้วสิ่งที่ผมได้ถามเขาว่าระแวดระวังหรือเปล่า คำตอบที่ได้มักจะเหมือนกันหมดว่า “ป้องกันสิ” แต่เป็น จากข้อมูลที่ผมได้เรียนรู้และศึกษากับโรคนี้นั้นจากสมัยก่อนกับสมัยนี้ต่างกันมาก สมัยก่อนนั้นยาที่ช่วยในการรักษาหรือยาต้านไวรัสนั้น ยังไม่มีประสิทธิภาพมากทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตจากโรคนี้เยอะ การเสียชีวิตจากโรคนี้มักจะเกิดจากภาวะแทรกซ้อนของโรคอื่นๆที่เข้ามาบุกรุกร่างกาย ซึ่งร่างกายของผู้ติดเชื้อหรือผู้ป่วยเอดส์นั้นมีระบบป้องกันร่างกายที่อ่อนแอแล้วไม่สามารถต่อกรกับสิ่งแปลกปลอมที่บุกรุกเข้ามาได้นั่นเอง
   แต่ในสมัยนี้ยาต้านไวรัสที่นำมาเพื่อรักษาเอดส์ในผู้ป่วย ค่อนข้างจะมีศักยภาพมากกว่าเมื่อก่อนเยอะมากซึ่งเพียงผู้ติดเชื้อเข้ารับการรักษาและรับยาเพื่อรับประทาน มีวินัยในการทานและดูแลตัวเองก็สามารถมีชีวิตได้ยืนยาวมากขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ทำให้ผมสังเกตเห็นว่า แพทย์หรือสมาคมที่เกี่ยวข้องกับโรคนี้ได้มีการคืบหน้าและวิจัยอย่างต่อเนื่องเพื่อมวลมนุษยชาติ และกลุ่มผู้ป่วยเอดส์ ผมจึงให้ความสนใจกับข่าวคราวเรื่องนี้เป็นพิเศษและอยากจะนำมาถ่ายทอดให้กับทุกท่านที่ได้อ่านบทความนี้
   ความต้องการของการรักษาเอดส์ให้หายนั้นเหมือนเริ่มใกล้ความจริงเข้าไปทุกวัน มีงานวิจัยนึงที่ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย ได้ทำการการศึกษาค้นคว้าขึ้น ปกติแล้วผู้ที่รับเชื้อ hiv จะต้องใช้เวลาถึง 2สัปดาห์ กว่าจะตรวจพบจากแอนตี้บอดี้ แต่ในงานวิจัยสามารถตรวจพบได้ตั้งแต่รับเชื้อมา 5วันแรก จากการตรวจพันธุกรรมของเชื้อเอชไอวี วิธีนี้เรียกว่า “แนท” จะทำให้การตรวจรู้ว่าติดเชื้อและเพื่อเข้าทำการรักษาเอดส์ได้เร็วขึ้น ไม่ต้องรอให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาก่อน เป็นการตรวจหาตัวไวรัสโดยตรงเลย จากวิธีการตรวจธรรมดาเมื่อผู้ที่เข้ารับการตรวจแล้วไม่เจอหรือผลเป็นลบ แต่เข้าทำการตรวจแบบ “แนท” ก็มีสถิติอยู่ที่ 5หมื่นคนที่ตรวจธรรมดาเป็นลบ แล้วมาตรวจแบบ “แนท”แล้วเจอเชื้ออยุ่ที่ 100คน ซึ่งหมายความว่าการตรวจแบบทั่วๆไปที่ตรวจก่อน 2สัปดาห์แล้วไม่เจอหรือผลเป็นลบก็อาจไม่ได้หมายความว่าไม่ติดเชื้อ 100% ผมคิดว่าควรจะตรวจซ้ำหรือตรวจแบบ “แนท” ไปเลย เพื่อความชัวร์
   แล้วเมื่อตรวจเจอเร็วกับช้าต่างกันตรงไหนจากที่ได้ข้อมูลมาจากศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย การที่ตรวจเจอเชื้อไวและรับยาต้านไวรัสเลย ทำให้เชื้อเข้าไปซ่อนเร้นตัวอยู่กับเม็ดเลือดขาวน้อยมากหรือแทบจะไม่มีเลยส่วนยาต้านที่รับจะเข้าไปทำหน้าที่ทำลายเม็ดเลือดขาวที่มีเชื้อแฝงอยู่และยับยั้งป้องกันการแพร่กระจายเชื้อเข้าไปสู่เม็ดเลือดขาวได้อย่างมีศักยภาพและเห็นได้เด่นชัดกว่าผู้ที่ได้รับเชื้อมาหลายเดือนแล้ว
   ในเมื่อยาต้านสามารถทำลายเม็ดเลือดขาวที่ติดเชื้อได้แล้วทำไมถึงไม่สามารถรักษาเอดส์ให้หายได้ ผมเกิดคำถามในใจขึ้นมาแต่พอได้ฟังต่อ จึงทราบว่ายาต้านจะทำลายเม็ดเลือดขาวทำกำลังจะติดเชื้อหรือมีการตอบสนองเท่านั้น แต่ถ้าเชื้อเข้าสู่เม็ดเลือดขาวแล้วแฝงตัวอยู่นิ่งๆ ยาต้านจะไม่สามารถทำอะไรได้นั่นเอง ถึงได้มีการตรวจและให้เข้ารับการรักษาให้เร็ว เพื่อที่ยับยั้งเชื้อไม่ให้เข้าสู่เม็ดเลือดขาวและแฝงตัวมากเกินไป นี่เป็นการวิจัยขั้นแรกที่ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทยได้ทำการวิจัยและยังเป็นที่ซูฮกในระดับนานาชาติอีกด้วย
   ขั้นตอนต่อไปของโครงการวิจัยในการรักษาเอดส์นี้ จะเป็นการเพิ่มยาเข้าไปกระตุ้นเร้าภูมิคุ้มกันเพื่อให้เม็ดเลือดขาวได้ผลักเชื้อที่แฝงอยู่ออกมาพบกับยาต้านเพื่อทำลาย ให้เชื้อเหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้แล้วเข้าไปสู่ขั้นตอนของการหยุดยาต้านไวรัสแล้วดูอาการว่าร่างกายสามารถควบคุมเชื้อเองได้หรือไม่ หลังจากหยุดยาต้านไวรัสแล้วแนวโน้มการรักษาเริ่มไปในทิศทางที่ดีทำให้ดูแล้วว่าในอนาคตนั้น อาจจะมีโอกาสที่จะสามารถรักษาเอดส์ให้หายขาดได้ก็มีความน่าจะเป็นสูงมาก จากงานวิจัยของศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย ยังไม่ได้สรุปว่ารักษาหายเพียงแต่ว่าสามารถทำให้เชื้อหลงเหลืออยู่น้อยมาก แต่ผมเชื่อว่ามาได้ไกลขนาดนี้ต้องมีวันที่ผู้ป่วยเอดส์จะได้หายภายในอนาคตอันใกล้นี้ชัวร์
   และอีกหนึ่งงานการศึกษาค้นคว้าที่เป็นแพทย์ทางเลือกที่ใช้ควบคู่กับการรักษาทางการแพทย์ก็คือ การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันมาต่อสู้อีกทาง ซึ่งดันเกิดไปประสานกับขั้นตอนที่ 2 ของงานวิจัยของศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย เมื่อเชื้อเข้าไปทำลายเม็ดเลือดขาวหรือภูมิคุ้มกันของเรา เราก็ต้องสร้างเสริมภูมิคุ้มกันเพื่อต่อกรกับเชื้อ วิธีการเสริมสร้างภูมิแบบนี้เป็นรูปแบบธรรมชาติหรือทางการแพทย์ก็มียาที่ฉีดเพื่อกระตุ้นภูมิด้วยแต่ด้วยราคาที่ค่อนข้างสูงอาจจะทำให้การใช้วิธีธรรมชาตินั้นน่าจะดีกว่า
   มีผู้ที่ใช้วิธีการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันควบคู่กับการรักษาจากยาต้านแล้วสามารถคุมเชื้อได้ดีถึงจะไม่หายแต่มีชีวิตยืนยาวได้ การเสริมสร้างภูมินั้นสามารถทำด้วยกันได้หลายวิธีดังนี้
1.หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ปู้ยี่ปู้ยำภูมิคุ้มกัน
2.หยุดเหล้า บุหรี่
3.อาหารที่ไม่เกิดประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น หมัก ดอง ไม่สะอาด ที่อาจจะก่อภาวะแทรกซ้อนจากโรคอื่นได้
4.ทานผัก ปลา เป็นหลักเพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน
5.ดื่มน้ำมากๆให้พอเพียงต่อวันและต่อร่างกาย
6.ออกกำลังกายสม่ำเสมอเป็นประจำ
7.พักผ่อนให้เพียงพอ 7-8 ชั่วโมงต่อวัน
8.ลดภาวะเครียด เพราะความเครียดจะทำให้ภูมิคุ้มกันตก
9.ป้องกันการเข้าสู่ฝูงชนหรือกลุ่มคนจำนวนมากๆด้วยการปิดปาก เพื่อไม่ให้คนอื่นแพร่เชื้อมาสู่เราเนื่องจากเราภูมิคุ้มกันอ่อนแออาจจะติดได้ง่ายกว่าคนทั่วไป
10.กำลังใจ จิตใจมุ่งมั่นและเชื่อไว้ว่ารักษาได้ถึงจะไม่หายขาด แต่มีชีวิตยืนยาวได้เหมือนคนทั่วไป ถ้าภูมิคุ้มกันแข็งแรงเชื้อในร่างกายจะน้อยลงไปและทำอันตรายต่อร่างกายเราได้น้อยลง
   แม้ว่าปัจจุบันนี้การรักษาเอดส์ให้หายขาดได้นั้นอาจจะยังทำไม่ได้ แต่ยังสามารถช่วยชีวิตให้ผู้ป่วยมีคุณค่าชีวิตกลับไปเป็นเหมือนคนปกติได้ ใช้ชีวิตประจำวัน ทำงาน และกิจกรรมทั่วไปได้ ถึงจะมีเชื้ออยู่ก็ตามนับว่าเป็นเรื่องดีกับการพัฒนาหาหนทางในการรักษาเอดส์ที่ไปในทิศทางที่ดีมากเลยทีเดียว
บันทึกการเข้า

[URL=http://www.hibstation.com/articles/42209117/%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99-%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%A1CD4-%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B9%80%E0
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.20 | SMF © 2006-2009, Simple Machines

Valid XHTML 1.0! Valid CSS! Dilber MC Theme by HarzeM
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.215 วินาที กับ 22 คำสั่ง