เอาไว้บ้างแล้ว ที่นี้ก็เริ่มใจคอไม่ดีแล้วครับเพราะในใจผมเองเนี่ย เห็นว่า มันน่าจะมีโอกาสท่วม และพอสักพัก น้ำมันเริ่มท่วมจริง ๆ โดยมาจากท่อต่าง ๆ แทรกซึมขึ้นมาเรื่อย ๆ จนคนเริ่มอพยพหนีไปหมดแล้ว หมู่บ้านที่ผมอยู่นี้ เงียบเหงากันเลยทีเดียว ผมกับทางครอบครัว ก็ยังมีหวังว่ามันจะลด ก็หาเครื่องปั๊มน้ำ มาดูดน้ำจากบ้าน และก็ทำกระสอบทรายเอามากีดกันน้ำไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเข้าบ้าน แต่สุดท้าย มันก็เข้าบ้านจนได้ และเราก็ดูดน้ำจากภายในออกข้างนอก เรื่อย ๆ ตลอดวันทั้งคืน โดยการสลับเวรกัน ช่วยกันสังเกตเพื่อไม่ให้น้ำเข้าบ้านเรามากครับ แต่ท้ายที่สุด ก็ไม่ไหวครับ น้ำขึ้นจนถึงต้นขาบนแล้ว และที่พักอาศัยผมเป็นบ้านชั้นเดียว ก็เลยมาปรึกษาหารือกันใหม่ ว่าเราจะเอาไงกันดี เพราะว่ามันเริ่มท่วมขึ้น ๆ ไม่มีทีท่าว่าจะลดลงเลยแม้แต่น้อย และอีกอย่าง การขับถ่ายอะไรก็เริ่มลำบากมากขึ้น คุณพ่อเลยปลงใจ ทิ้งบ้านไว้ และให้พวกเราออกไป และหนีไปอยู่ นอกเมืองกันคร เรือกู้ภัย
เผื่อมันท่วมมาถึงที่พักอาศัยเราจริง จะได้มีไว้ถ่ายคนในบ้าน และต้องบอกก่อนว่า บ้านผม มีคุณตา ยาย ซึ่งแก่และแกเป็นคนที่หวงบ้านมาก แต่ตอนนั้น น้ำยังมาไม่ถึงครับ เราได้แต่ปรึกษากัน ว่าถ้าหากมันมาถึงบ้านเราจริง เราจะเอาอย่างไรกัน แต่ทางพ่อของผมเอง ก็ไม่ฟังและบอกว่า ถึงมันมา เดี๋ยวมันก็ลด ผมก็เลยไม่อยากโต้เถียงกับเขาครับ ก็รอดูต่อไป สักพักมีข่าวคราวว่า ฝายกั้นตรงจุดแถวม.รังสิต พัง น้ำทะลักเข้ามา ท่วมแถวอาณาเขตนั้นแล้ว ซึ่งบ้านของผม ก็อยู่ไม่ได้ไกลจาก ม.รังสิตมากนัก ก็เลยเริ่มตื่นเต้นขึ้นมา ณ ตอนนั้น ยังคุยเล่น ๆ กับเพื่อนพ้องอยู่เลยครับ ว่าเห้ย บ้านน้ำเอ่อยัง เพื่อนบอกว่า เริ่มมีซึม ๆ ขึ้นมาจากท่อบ้างแล้ว ไอบ้านข้าพเจ้าก็เริ่มมีมาบ้าง แต่ไม่ได้เยอะอะไรมาก ตอนแรก ก็เลยบอกพ่อว่ามันเริ่มมาแล้วนะพ่อจะไปหา เรือกู้ภัย
หากพูดคุยกันถึงเรื่องราวของสถานการณ์ภัยธรรมชาติต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ภัยแล้ง น้ำท่วม วาตะภัย ในไทยนั้น ล้วนแล้วเกิดจากฝีมือของคนอย่างเราทั้งปวง แต่เรื่องราวที่จะเกิดได้บ่อยครั้งที่สุด และสร้างความทุกข์ร้อนได้บ่อยครั้งมากก็คงหลีกเลี่ยงไม่พ้นเรื่องราวของน้ำท่วม หรือ อุทกภัยที่เกิดขึ้นตามต่างจังหวัด หรือแม้แต่ในกรุงเทพมหานคร ก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว และเมื่อมีเหตุการณ์เกี่ยวกับอุทกภัยสิ่งที่จะช่วยเหลือให้ความสบาย และช่วยเหลือทุกท่านได้ นั้นก็หนีไม่พ้น
เรือกู้ภัย เรือกู้ภัย
ไปคอยช่วยขนส่งให้กับผู้คนที่ประสบเหตุการณ์โดยในข่าว ก็มีบอกอยู่แล้ว ว่าน้ำจะไหลลงมา ยัน กรุงเทพฯ ซึ่งส่วนตัวผม ไม่ได้ให้ความสนใจอะไร เพราะคิดว่า มันออกจะไกลตัว และอีกอย่าง กทม.แทบไม่เคยมีเหตุการณ์น้ำท่วมนักหนาอะไร เต็มที่ก็น้ำท่วมขังจากฝนตกธรรมดาเราก็ไม่ได้สนใจอะไรเลยและไม่คิดว่าจะมีวันท่วมมาถึงที่อยู่อาศัยเราด้วย สักพักก็มีข่าวว่าน้ำมาถึงอยุธยา ทีนี้ผู้คนก็เริ่มวุ่นวาย โดยผมบอกก่อนว่า บ้านผมอยู่แถว ๆ ดอนเมืองนะครับผมณ ตอนนั้น ผมก็เรียนอยู่ ม.รังสิต ก็เห็นมีข่าวมี ให้ระดมคนไปสนับสนุนกันทำฝายกั้นน้ำ บรรจุกระสอบทรายกัน เพื่อคุ้มกันไม่ให้น้ำไหลผ่าน โดยตัวข้าพเจ้าเอง ก็ได้ไปช่วยเหลือและเริ่มเห็นน้ำว่า มีน้ำซึมออกมาตามท่อ ซึ่งในตอนต้น ก็ไม่ได้ขึ้นเร็วอะไรเลย แต่มันขึ้นเรื่อย ๆ ไม่มีลด ตัวผมเองก็เริ่มจิตใจไม่ดีละ มาคุยกับที่บ้าน พวกคนในญาติพี่น้อง ก็ปรึกษากันว่า จะซื้อหาเรือกันดีไหม แบบที่มันเป็นละม้ายๆ เรือกู้ภัย
ที่ปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยอันตรายรวมไปถึงช่วยในเรื่องของการส่งข้าวสารอาหารแห้ง ให้กับทางผู้พบภัยด้วย หากสำหรับตัวผมเอง จะมาเล่าเรื่องประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องอุทกภัย ที่เคยพบเจอมากับตนเอง และได้รับการช่วยเหลือต่าง ๆ รวมไปถึง การแสดงถึงความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของคนไทยด้วยกันเองด้วยครับ เพราะผมต้องบอกก่อนเลยว่า ถ้าหากวันนั้น ผมไม่ได้เพื่อน ๆ และทีมกู้ภัยมาช่วยป่านนี้ครอบครัวผมคงแย่ไปแล้วครับ เรือกู้ภัย
สถานการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อปีที่ กรุงเทพฯ น้ำท่วม เพื่อนๆ คงจะกันได้นะครับ เมื่อราวๆปี 2554 ได้ คือ ณ ตอนแรกที่น้ำจะท่วมเนี่ย เราก็ได้ยินข่าวคราวมาบ้างแล้ว ว่ามีน้ำท่วมจากทางตอนเหนือ ไหลลงมาสู่ กทม โดยก่อนจะมาถึงที่อยู่อาศัยผมนั้น ทางภาคเหนือก็ได้มีอุทกภัยมาก่อนแล้ว ผมดูจากทีวี ก็เห็นพี่น้องช่วยเหลือกันมาก ทั้งเอา เรือกู้ภัย
มาไว้ก่อนไหม เผื่อเอาไว้พาตาคุณยายออกไป ถ้ามันท่วมหนัก พ่อก็บอกว่า เดี๋ยวมันก็ลด พ่อท่านบอกว่า อาศัยที่ดอนเมืองมา 20 กว่าปี ไม่เคยเจอท่วมสูงพ้นหัวเข่าเลย เต็มทีก็เกินเข่า และอีกอย่าง ดอนเมืองเป็นพื้นที่สูง น้ำมาไม่ถึงหรอก ถ้าไม่งั้น สนามบิน คงเจ๊งด้วยแล้ว ส่วนตัวผมก็ยังคงออกไปซื้อของตามปกติธรรมดาแต่ก็เริ่มเห็นบางบ้านมีการเตรียม เรือกู้ภัย