ชมรมเจ้ามือหวย
 
*
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน กันยายน 13, 2025, 04:29:33 am


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น


ผลสลากกินแบ่งรัฐบาลงวด 16 กรกฎาคม 2565 รางวัลที่ 1 620405 รางวัล3ตัวหน้า 159 834 รางวัล3 ตัวท้าย 279 061 รางวัลเลขท้าย 2ตัว 53




เว็บโปรแกรมเจ้ามือหวย



ทำงานแบบมีหลักการ ไม่กล้าจนเกินตัว ไม่กลัวจนเกินเหตุ
ปณิธานของชมรมเจ้ามือหวย
ทางชมรมเจ้ามือหวย หวังแค่เพียงเพื่อนๆ อยู่กันแบบเป็นพี่เป็นน้อง จริงใจ ให้เกียรติซึ่งกันและกัน
ร่วมมือกันในการแบ่งปันข้อมูล มีอะไรดีๆ ก็นำเสนอแก่เพื่อนสมาชิก เพื่อเป็นแนวทางในการทำงาน
หรือระวังป้องกันให้ชาวชมรมได้อยู่ในวงการตลอดไปนานเท่านาน
ขอบคุณจากใจจริง
nongnai


หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เซลล์เม็ดเลือดขาว cd4 กับลาดเลาการแพทย์แผนปัจจุบันในงานรักษาคนป่วยโรคเอดส์  (อ่าน 551 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
JulianJackson18Topic starter
ขายของ
Hero Member
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เข้ามาล่าสุด:มิถุนายน 04, 2018, 11:24:27 am
กระทู้: 5805

จาก

ระบบปฏิบัติการ::
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
บราวเซอร์::
Safari Safari


อีเมล์
« เมื่อ: ตุลาคม 11, 2017, 09:43:34 am »

ผู้ที่ติดเชื้อที่ระดับเซลล์เม็ดเลือดขาวน้อยลงอย่างปุบปับในช่วงติดเชื้อใหม่และไม่สามารถเยียวยารักษาระดับเซลล์เม็ดเลือดขาวให้คงเดิมได้ มีความโน้มเอียงที่จะมีอาการของโรคเอดส์เร็วกว่าปกติครับ เมื่อใดที่การตรวจวัดระดับของเซลล์เม็ดเลือดขาวอยู่ที่ 200-500 นั่นแสดงให้เห็นว่าระดับภูมิคุ้มกันของร่างกายได้ถูกทำร้ายแล้ว

สมัยปัจจุบันเราใช้จำนวนรวมเซลล์ cd4-T lymphocyte และปริมาณเชื้อ viral load หรือ HIV RNA มาเป็นตัวบอกระยะและพยากรณ์ของโรค ตัวอย่างเช่น ผู้ที่มีจำนวนเซลล์เม็ดเลือดขาวT lymphocyte มากกว่า 500 cells/mm3 จะมีโอกาสเสี่ยงต่ำในการเกิดโรคเอดส์และโรคแทรกซ้อนอื่นใน 3 ปี การเจาะตรวจ T-cells ควรจะเจาะทุก 3-6 เดือนขึ้นกับสภาพของผู้ป่วย ผู้ที่เจาะได้เซลล์ปริมาณน้อยก็ต้องเจาะถี่ขึ้น ส่วนผู้ที่มีเซลล์มากก็เจาะทุก 6 เดือน

ซึ่งเซลล์เม็ดเลือดขาวเองก็เป็นพารามิเตอร์ต้นฉบับที่นายแพทย์ใช้ในการวินิจฉัยโรคในระดับต้น

เซลล์ตัวนี้มีความสำคัญตรงที่ทำหน้าที่เป็นเหมือนตัวควบคุมระบบภูมิคุ้มกันทั้งสิ้น พอเซลล์นี้ถูกทำร้ายไประบบภูมิต้านทานก็ทำงานผิดปกติ ทำให้ไม่สามารถพิทักษ์ร่างกายจากเชื้อโรคต่างๆ ได้ เมื่อร่างกายติดเชื้อไวรัสเหล่านี้เข้าพร้อมกันๆ กันก็จะเกิดเป็นโรคเอดส์สุดท้าย การตรวจสอบหาจำนวนของ T-cells จึงเป็นตัวช่วยบ่งชี้ว่าระบบภูมิต้านทานของร่างกายยังทำงานดีอยู่ไหม และเชื้อเอชไอวีทำให้ระบบภูมิต้านทานแย่ไปจนถึงเวลาที่ต้องรับยาต้านไวรัสหรือยัง

ถึงแม้ว่าถ้าคุณไม่มีเชื้อ เอชไอวี แต่ก็ยังมีหลายปัจจัยที่มีผลต่อปริมาณ T-cells เช่น T-cells ของหญิงจะขึ้นและลงในช่วงที่มีระดู ยาคุมชนิดเม็ดจะทำให้ปริมาณ T-cells น้อยลงได้ หรือในบางขณะที่ร่างกายผ่อนคลาย T-cells จะลดระดับลงและลดลงได้มากถึง 40% ฯลฯ

ค่าปรกติเม็ดเลือดขาวหรือ WBC คือ ประมาณ 5000-10000 cells/cu.mm.ส่วนค่า % Lymp จะไม่เหมือนกัน บางท่านสูง บางคนต่ำ ค่าประจำของ % Lymp อยู่ในช่วงประมาณ 19-48% ดังนั้นจึงต้องดูค่าทั้ง 3 อย่างเเละนำไปใส่สมการสูตรคำนวณออกมา

ดังนั้นค่าที่เป็น Absolute cd4 จึงเป็นค่าที่นำไปเป็นมาตรฐานการรับยาต้านไวรัส ถ้าค่า cd4 ต่ำกว่า 200 มา ก็ไปพบแพทย์เพื่อขอทานยาต้านไวรัสได้เลย อย่างไรก็ดีถ้ายังสูงมากกว่า 200 ก็อย่าเพิ่งกินยาต้าน ให้รักษาตามอาการเเทรกซ้อนด้วยยาเฉพาะโรคอื่นๆ ไปก่อนขอรับ ซึ่งยาต้านไวรัสเอดส์หรือบางคนเรียกสั้นๆ ว่า
ยาต้าน
 คำศัพท์ทางการแพทย์เรียกว่า
เออาร์วี
 (ARV) ย่อมาจาก antiretroviral

แต่ถ้าเล่าถึงชื่อย่อ cd4 อาจจะไม่รู้ว่าคืออะไร ขอขยายความง่ายๆ ครับว่า cd4 บางโอกาสถูกเรียกว่า T-cells หรือ T-helper cells เป็นเซลล์เม็ดเลือดขาว ซึ่งจัดระบบภูมิต้านทานของร่างกายต่อการติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และไวรัส ซึ่งเจ้าเซล์เม็ดเลือดชนิดนี้มีจุดสำคัญต่อการวินิจฉัยการติดเชื้อเอชไอวี ด้วยเพราะเป็นเซลล์ที่เชี้อเอชไอวีเข้าไปเล่นงานทำลาย

ต่อนี้ไปเรามาดูกันว่าหมอมีวิธีการวินิจจัยและจ่ายยาต้านไวรัสให้คนไข้ โดยพินิจจากปริมาณเม็ดเลือดขาวหรือ cd4 เช่นไร cd4

การถอยอย่างยิ่งของเซลล์เม็ดเลือดขาวจะเป็นวี่แววของอาการที่จะเกิดขึ้นก่อน 1 ปี ก่อนที่จะวินิจฉัยว่าคนไข้เป็นโรคเอดส์อย่างสมบูรณ์แบบ การปรนนิบัติร่างกายที่ดีจึงควรเข้ารับการตรวจสอบวัดระดับเซลล์เม็ดเลือดขาว (cd4) อย่างสม่ำเสมอ เพราะระดับของเซลล์เม็ดเลือดขาวมีความสำคัญอย่างมากที่จะใช้เป็นแนวทางในการรักษา หรือการให้ยาต้านไวรัสแก่คนไข้เพื่อป้องกันโรคแทรกซ้อนบางพวก เช่น ระดับ T-cells น้อยกว่า 200 แพทย์จะให้การดูแลรักษาโรคปอดอักเสบ เป็นอาทิ

โดยระดับเป็นปกติของ T-cells ในคนที่ไม่ติดเชื้อเอชไอวี จะอยู่ระหว่าง 400 – 1600 ต่อเลือด 1 ลบ.มม. และ T-cells ของหญิงที่ไม่ติดเชื้อเอชไอวี นั้นจะมีความโอนเอียงที่สูงกว่านิดหน่อย คือ 500 – 1600.

ยาต้านไวรัสเอดส์โดยมากใช้ได้ผลดี แต่ก็ยังอาจพบอุปสรรคของการใช้ยาบางประการ ได้แก่ ปัญหาจากผลข้างเคียงของยา อุปสรรคการต้านยาทั้งในระยะสั้นและระยะ

ในล่าสุดวิวัฒนาการทางการแพทย์สมัยใหม่ก้าวหน้าไปมาก ทำให้การวินิจฉัยโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ สามารถทำได้อย่างทันที และช่วยลดการเสี่ยงในการเสียชีวิตหรือทุพพลภาพของผู้ป่วยได้เยอะแยะ

โดยปกติร่างกายจะผลิตเซลล์เม็ดเลือดขาวไม่กี่ล้านเซลล์ แต่เจ้าไวรัสเอชไอวี อาจจะแบ่งตัวได้มากถึงวันละหมื่นล้านตัว นับว่าเป็นเลขจำนวนที่เหลื่อมล้ำกันอย่างชัดเจนจนน่าตระหนกตกใจเลยใช่มั้ยครับผม

ในสมัยปัจจุบันมียาต้านไวรัสเอดส์ส่วนมาก ออกฤทธิ์ระงับการแพร่พันธุ์ทำให้เชื้อไวรัสเอดส์เบาลงได้ และช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสเข้าไปทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาวประเภท T-cell
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.20 | SMF © 2006-2009, Simple Machines

Valid XHTML 1.0! Valid CSS! Dilber MC Theme by HarzeM
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.145 วินาที กับ 21 คำสั่ง