คะ ด้วยสีสันที่ศักยสร้างสรรค์ได้หลากหลายเฉดสี เมื่อรวบมาแต่งแต้มลงบนปลายฝีปากของหญิงดึงหลังจากนั้น จะกรุณาทำแจกใบหน้าของสาวๆดูโดดเด่นสะดุดตาขึ้นมาทันที ถ้าหากคนที่เปล่าฮิตภูษิตหน้าประดับตาใดๆเกินก็ตาม เพียงแค่แต้มลิปสีบางๆลงบนส่วนล่างฝีโอษฐ์เบาๆ ก็ทำให้หน้าตาดูงดงามสดชื่น ดูสุขภาพดีขึ้นทันทีล่วงทีเดียวประวัติของ ลิปสติก
นั้น ต้องย้อนเพลาไปไกลตราบเท่าในกาลเวลาสมัยของ สาวๆในยุคเมโสโปเตเมีย หรือกว่า 5,000 ปีก่อนเชียวนะคะ โดยสาวๆสมัยตรงนั้นจะนำอัญมณีล้ำค่าต่างๆมาบดให้เป็นผง แล้วละเอียดลออแก้ไขชั้นเชิงลงบนใบพักตร์ ทั่วบริเวณรอบเคราะห์ตาพร้อมด้วยการทาลงบนริมฝีปากค่ะ พร้อมทั้งในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ก็มีหลักฐานชิ้นชัดเจนที่แสดงให้เห็นว่า ดึงๆในยุคโบราณนั้นมีการทาริมฝีปากเพื่อสีแดงเพื่อเพิ่มสีสันเรียวปากให้สดใส ลูกจากการค้นพบหลักฐาน ณ ที่แบนเรียบลุ่มเมโสโปเตเมีย ได้ขุดค้นพบลังใบหนึ่ง และสิ่งที่บรรจุอยู่ในลังโบราณนั้นก็คือ สีทาปาก นั่นเอง แถมยังมีแบบอย่างฐานอีกจากการค้นพบกระดาษปาปิรุสโดยบนกระดาษตรงนั้นเป็นภาพหญิงสาวชาวอียิปต์กำลังถือกระจกเงาและแต่งแต้มเรียวยาวปากอยู่ นอกจากนี้ยังมีประเด็นมูลเจาะจงไว้ว่าสาวๆในยุคโบราณตรงนั้นต่างชื่นชอบกับมักนิยมเติมสีสันให้แก่เชิงฝีโอษฐ์ด้วยผลเบอร์รี่สีแดงและอุทกผลไม้สีสดประเภทต่างๆอีกด้วยอย่างไรก็ติดสอยห้อยตามในคราวเดิมนั้น เรื่องของ ลิปสติก
กับหญิงวัยแรกรุ่นนั้น ก็กลายเป็นเรื่องอยู่ยี่กันมาโดยตลอด มีบางช่วงที่งานทาสีปากนั้นกลับกลายเป็นตัวแทนสัญลักษณ์ในทางแถวไม่ดี เช่น ในสมัยก่อนก็มีความลงบัญชีที่ว่า หากหญิงสาวคนไหนทาปากเป็นสีแดง ก็จะมีงานกล่าวหาว่านางคนนั้นเป็นแม่มด โดยเชื่อกันว่างานชำระคืนสีแก้ไขคะแนนทาปากตรงนั้นเสนาะจงการเย้ายวนเพศชาย อีกทั้งในช่วงยุคมืดและยุคตรงกลาง การทาโอษฐ์นั้นก็เปลี่ยนไปเป็นสิ่งต้องห้ามในสังคมชั้นเนินของยุโรป เหตุเพราะแปรไปเป็นร่างแทนสิ่งหญิงชั้นเลวทรามและกลุ่มวนิดาค้าบริการ หรือกะหรี่นั่นเองค่ะ นอกพลัดพรากนี้ ยังมีในโปร่งบางกาลเวลาที่การทาลิปนั้น กลายทั้งเป็นที่นิยมกันในหมู่ผู้ชาย โดยท้ายเปลี่ยวในสมัยนั้นจะมีการแต่งสิ่งของแบบเต็มยศพร้อมด้วยมีงานใช้วิกผมด้วย โดย จอช วอชิงตัน ประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐอเมริกา ก็การกำหนดทาปากด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งในคราวนั้นถือเป็นการแสดงให้กำเนิดอาบันชนวรรณะและขั้น อีกด้วย
ลิปสติก ลิปสติก
เรื่องของความวิจิตรบรรจงความงามสำหรับหญิงสาวนั้น แน่หลับว่าเป็นสิ่งที่สาวๆต่างให้ความสำคัญมาเป็นอันดับหนึ่งเลยใช่ไหมคะ? ขึ้นไปพระนามว่าเกิดเป็นผู้หญิงแล้วน้อยคนนักที่จะไม่สนใจตอนสวยๆงามๆนะคะ ความรักความชอบในงานประดับองค์ทรงเครื่องให้งามงามน่าจะมอง เป็นลักษณะพิเศษที่ติดตัวมาแต่งตั้งอย่างไรก็ดีผลิตข้าวของเครื่องใช้ผู้หญิง ล่วงทีเพียงอย่างเดียวเครื่องสำอางเป็นของที่อยู่ได้รับกรณีนิยมจนเรียกว่ากลายเป็นปัจจัยที่สำคัญในการใช้ชีวิตในกลุ่มสมัยใหม่ตรงนี้ไปแล้ว โดยเฉพาะสาวๆย่านออกไปทำงานนอกบ้าน จำเป็นต้องพบปะผู้คนมากมาย เพราะด้วยตำแหน่งพร้อมกับใบหน้าที่ ทำมอบจำต้องสร้างบุคลิกที่น่าศรัทธาถือ เนื่องด้วยรูปลักษณ์ก็เป็นสิ่งที่สำคัญเปล่าแพ้เนื้อความรู้ความสามารถและความชำนาญในการทำงานพ้นนะคะ ดุจนั้นสาวๆช่วงเวลาตรงนี้จำเป็นอย่างภิญโญที่จะควรพึ่งพาเครื่องเคราสำอางเป็นตัวช่วยเพื่อเสริมบุคลิกแจกน่าดูเชิญชวนมองค่ะหนึ่งในเครื่องสำรวยที่ทำเป็นช่วยประดิษฐ์เสริมบุคลิกภาพให้ด้วยกันผู้หญิงๆนั้น ก็คือ ลิปสติก
เริ่มมีสีสันและก้าวย่างเข้าสู่สังคมในฐานะสินค้าทางธุรกิจที่รุ่งแตกฉาน ตั้งแต่ระยะเวลา 1930 โดยแท้ธุรกิจสาว นามว่า อลิสซาเบธ อาเดน เจ้าของบริษัท Elizabeth Arden, Inc ผู้นำเทรนด์การทาลิป พร้อมกับทำการสร้างสรรค์สรรค์ผลิตเฉดสีของลิปมอบหลากมาก พร้อมด้วยสวยงามยิ่งขึ้น อย่างไรก็ดีสาวๆในยุคตรงนั้นก็ยังคง เขินอาย ไม่บ้างเก่งกล้าใช้คืนกันสักเทียบเท่าไหร่ เพราะกระแสความเชื่อในสมัยตรงนั้นว่าสาวๆแถวทา ลิปสติก
จะถูกยี่ห้อหน้าว่ายังมีชีวิตอยู่หญิงงามเมือง เด็กสาวทั่วหลายต่างถูกปิดกั้นปรามมิเลี้ยงดูเสริมสวยข้างหน้าเพราะสังคมในคราวนั้นยังไม่ยอมยอมรับเท่าที่เหมาะ จนกระทั่งปี 1950 ในสมัยที่นักแสดงฮอลลีวู้ดเริ่มกลายเป็นไอดอลเครื่องใช้รุ่นๆในระยะเวลานั้น ดารานำทำนอง มาริลีน มอนโรว์ และ อลิสซาเบธ เทย์เลอร์ ทำให้กระแสการทาโอษฐ์ กลับมาอีกหน โดยเฉพาะ เทย์เลอร์ นั้น คลั่งใคล้งานทาลิปสีแดง มากเสียจนบงการห้ามไม่ให้นักแสดงคนอื่นๆในกองทาปากสีปลาเนื้ออ่อนตัวอย่างเช่นโทนกับเธอพ้นทีเดียวและในปี 1952 มเหสี อลิสซาเบธที่ 2 ก็ทรงคล้องพูดให้ทำลิปสีพิเศษขึ้นมาโดยเฉพาะ โดยเป็นสีเลือดนกเฉดโดดกับภูษาคลุมของพระตัว เพร ลิปสติก
Dilber MC Theme by HarzeM