เพราะสามารถใช้งานได้ทุกหนทุกแห่งทุกเวลาโดยไม่ต้องพึ่งปลั๊กไฟ และในวันนี้ เรามาแนะนำเรื่องของการเลือกซื้อ ว่าเราต้องดูยังไงบ้าง และมีวิธีการดูแลรักษาไอเจ้าวัสดุอุปกรณ์ชิ้นนี้อย่างไร ไปดูกันครับก่อนอื่นเลยสิ่งที่เราต้องรู้จักกันซะก่อนคือหน่วยของความจุของแบตเตอรี่ ซึ่งในสมาร์ทโฟนแต่ละรุ่น จะมีจำนวนความจุที่ไม่เท่ากัน และหน่วยของมันก็คือ mAh หรือมิลลิแอมป์ต่อชม. ซึ่งในส่วนของเจ้าแบตสำรองนี้ ก็มีหน่วยเป็น mAh เช่นกัน ยิ่งค่าความจุเยอะแค่ไหน ก็จะทำให้ยิ่งสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้มากเท่านั้น ซึ่งวิธีการคัดเลือกซื้อนั้น เราควรพิจารณาจากอะไรบ้าง มาลองดูกันครับเรื่องที่ 1. เรื่องของความจุของเจ้า พาวเวอร์แบงค์
ที่มียี่ห้อ และขนาดมาก ราคาอาจจะสูงกว่ารุ่นปกติธรรมดาที่มีความจุน้อย แต่หากเราซื้อมาใช้ ก็เน้นที่มันมีคุณภาพและได้เกณฑ์จะดีที่สุดนะครับเรื่องที่ 3. เรื่องชนิดของแบตเตอรี่ เรื่องนี้ก็ถือว่าสำคัญไม่แพ้กัน เนื่องจากในการผลิตแบตเตอรี่สำรองนั้นจะมีชนิดของแบตอยู่ 2 แบบ คือ 1.แบบลิเธียมไออน และ 2.แบบลิเธียมโพลิเมอร์ โดยหากเพื่อนๆ จะเลือกซื้อ ผมแนะนำว่า ต้องเลือกซื้อที่เป็นแบบ ลิเธียมโพลิเมอร์ เพราะว่าจะมีสมรรถนะที่สูงกว่า แต่ราคาก็อาจแพงกว่านะครับ เรื่องที่ 3. เรื่องราวของความเร็วการคายประจุ เรื่องราวนี้ก็สำคัญไม่แพ้กันเนื่องจากในตัวแบตเตอรี่สำรองนั้น ถ้าหากเราทิ้งแบตสำรองไว้ ความจุของมันจะค่อย ๆลดลงไปเรื่อย ๆ แต่เรื่องนี้ก็ยังไม่มีออกมาเป็นที่แน่ชัด ว่ายี่ห้อไหนที่มีการคายประจุได้เร็วกว่ากัน แต่หากเป็น พาวเวอร์แบงค์

หรือที่หลาย ๆ คนรู้จักกันในชื่อของแบตเตอรี่สำรอง ซึ่งเป็นวัสดุอุปกรณ์ที่มีความจำเป็นอย่างสูงในยุคปัจจุบันเพราะด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป ผู้คนหันมานิยมใช้โทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟน และเล่นกันได้ทั้งวัน แทบจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของการดำเนินชีวิตในประจำวันไปเลยก็ว่าได้ โดยสำหรับบางท่าน ลืมตาตื่นขึ้นมา ก็จับโทรศัพท์มาเช็ค Line,Facebook,Twitter กันเป็นอันแรกก่อนจะลุกไปทำความสะอาดร่างกายทำธุรส่วนบุคคลในตอนเช้าเลยก็ว่าได้ ซึ่งผม เป็นหนึ่งในนั้น ไม่ว่าจะทำสิ่งไร เราก็มักจะติดเล่นโทรศัพท์มือถือไปด้วยทั้งหมด ทั้งเข้าห้องน้ำ กินข้าว หรือแม้แต่นั่งรถสังเกตได้จากผู้คนที่ขึ้นรถไฟฟ้า หรือรถโดยสารประจำทาง ต่างคน ก็ต่างนั่งเล่นโทรศัพท์ และก็ไม่แตกต่างที่ในหนึ่งวัน แบตเตอรี่ของโทรศัพท์ก็จะไม่พอใช้ หรือหมดเกลี้ยง ซึ่งสิ่งที่มาแก้ไขปัญหานี้ ก็หนีไม่พ้น แบตสำรอง หรือ
พาวเวอร์แบงค์ พาวเวอร์แบงค์
[youtube]youtube.com/watch?v=Ajygr5hlbM0[/youtube]
สิ่งที่เราต้องรู้ว่าเราควรซื้อแบบไหน อย่างแรก เราจะต้องรู้ก่อนว่าโทรศัพท์หรือสมาร์ทโฟนที่เราใช้นั้น มีความจุเท่าไร เพื่อให้เราคำนวณการใช้งานเพื่อให้พอใช้ได้ในแต่ละวัน และโดยปรกติแล้ว power bank จะมีความจุตั้งแต่ 2,000-30,000 mAh โดยอย่างที่บอกไปแล้วข้างต้นว่า หากแบตสำรองยิ่งมีความจุมากเท่าไร ก็จะยิ่งบรรจุไฟได้มาก และเราก็สามารถใช้ได้นานเยอะขึ้นด้วย แต่สิ่งที่ต้องยอมรับก็คือ เรื่องของเวลาในการชาร์จแบตให้กับเจ้า powerbank ก็อาจจะใช้เวลานานมากกว่าพวกความจุน้อย โดยธรรมดาหากเป็นอันที่มีความจุ 20,000 mAh ขึ้น อาจต้องใช้เวลาในการชาร์จให้เต็มเป็น 10 ชั่วโมงก็ได้และในเรื่องของสนนราคาก็อาจจะสูงขึ้น หรือแพงกว่ารุ่นที่แอมป์น้อย ๆ ด้วย ด้วยเหตุนั้น ข้อนี้ ก็แล้วแต่ความต้องการของเพื่อน ๆ ว่าอยากได้ปริมาณความจุแค่ไหนนะครับเรื่องที่ 2. เรื่องของราคา เป็นที่แน่ๆอยู่แล้วว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องทีสำคัญต่อการตัดสินใจของเพื่อน ๆ หลาย ๆ ท่านเลยก็ว่าได้ เพราะว่าราคาจะมีเริ่มต้นตั้งแต่หลักร้อยถึงหลักพันเลยทีเดียว โดยถ้าหากเป็น พาวเวอร์แบงค์
เวลานี้เรียกได้ว่าเป็นยุคของเทคโนโลยี ที่เข้ามามีบทบาทในความเป็นอยู่ของเราเป็นอย่างมาก และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่สร้างขึ้นหรือกำเนิดขึ้นมาให้ตอบสนองความต้องการของผู้ซื้อ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ พาวเวอร์แบงค์
ที่มีราคาถูก การคายประจุจะเร็วกว่าอันที่เป็นยี่ห้อดี ๆ และสนนราคาสูงกว่า เพราะฉะนั้น อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับเพื่อนพ้องๆ แล้วว่า อยากแบบไหน แต่ถ้าใครไม่ได้ซีเรียส ก็เน้นแค่ว่า ให้เราสามารถใช้พอในแต่ละวันก็พอแล้วครับเรื่องที่ 4. เรื่องสุดท้ายเป็นเรื่องของการตรวจอุปกรณ์ที่เราใช้ ว่าสมาร์ทโฟนที่เราใช้นั้น มีความจุของแบตเตอรี่เท่าใดเพื่อให้เราสามารถคำนวณและซื้อหาpower bank มาใช้ได้อย่างพอตลอดวันครับโดยหากเป็นพวก iphone อาจมีความจุน้อยกว่ายี่ห้ออื่น ๆ และแบตหมดรวดเร็วมาก เพราะฉะนั้น เพื่อน ๆ ต้องหาข่าวคราวให้ดี ๆ ว่าโทรศัพท์เรานั้นมีความจุเท่าไหน เพราะจะได้ไม่เป็นการเสียสตางค์ที่เสียเปล่าครับ เพื่อการใช้งานสะดวกสบายราบรื่นตลอดวันของเราครับต่อไปเราจะมาพูดกันถึงเ พาวเวอร์แบงค์