ระยะนี้สถาบันอุดมศึกษาต่างๆพากันมีงานพิธีรับปริญญามากมายมากๆ เรียกได้ว่าเป็นเทศกาลรับปริญญาเลยก็ว่าได้ นอกเหนือจากบัณฑิตที่ตื่นเต้นกับงานรับปริญญาของตัวเองแล้วบุคคลที่ตื่นเต้นไม่แพ้กันนั่นก็คือกลุ่มบรรดาผองเพื่อนฝูงของผู้สำเร็จการศึกษานั่นเอง ไม่ว่าจะหาชุดสวยงามตั้งเนื้อตัวตัวไปงานหรือว่ากระทั่งของรางวัลที่จะให้ผู้สำเร็จการศึกษาก็ตาม ก็ของให้มีมากมายหลายชนิดทั้งแบบตระเตรียมมาเองหรือที่ค้าขายหน้างานเรียกว่าเลือกสรรกันไม่ถูกเลยทีเดียวทั้งสนนราคาถูกและราคาแพงปะปนกันไปสวยๆทั้งนั้น แต่ในนาทีนี้ของขวัญกิ๊บเก๋ที่ฮิตสุดๆ เรียกได้ว่าวางขายกันแทบจะทุกร้านค้าเลยก็ว่าได้คงหนีไม่พ้น 'ลูกโป่งอัดแก๊ส' แบบสวยๆงามๆ มีทั้งอันเล็กอันใหญ่ แบบอลังการงานสร้างก็มี ถือได้ว่าเอามาประดับบารมีของบัณฑิตเลยก็ว่าได้ แต่ราคานี่แพงใช่เล่น ลูกน้อยๆมูลค่าก็ไม่ได้น้อยตามลูกเลย ไหนๆเห็นว่าช่วงนี้ป๊อปปูล่ากันจัง เราจึงขอเกาะกระแสไปด้วย รู้หรือไม่ว่าจะลูกบอลลูนสีๆเนี่ย มีสตอรี่ไม่น้อยเลยนะ ใครๆหลายคนต้องเคยแตะต้องกับมันแน่ๆ ยิ่งช่วงสมัยเด็กๆเชื่อว่าเด็กส่วนใหญ่เพลิดเพลินไปกับของเด็กเล่นชิ้นนี้ไม่ใช่น้อย วันนี้เราจะพามาย้อนกลับมาไปรู้จักลูกโป่งในอดีตกัน
ลูกโป่ง
คือสิ่งของที่ทำมาจากยาง น้ำยาง ผ้าในล่อน หรือไม่พอลีคลอโรพรีน นำมาทำเป็นรูปแบบต่างๆที่สามารถยืดหยุ่นและพองตัวโดย โดยใส่แก๊สต่างๆเข้าไป (ถ้าเราเป่าเองด้วยปากก็จะเป็นการใส่ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไปจากลมหายใจออกของเรานั่นเอง) ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยก่อนโดยการทดลองทางวิทยาศาสตร์ คนที่จัดทำได้สำเร็จเป็นคนแรกคือ ไมเคิล ฟาราเดย์ นักวิทยาศาสตร์มีชื่อเสียงจากประเทศอังกฤษ แต่ว่าแต่ก่อนนี้ กาลิเลโอ ก็เคยทดลองประดิษฐ์เช่นกัน โดยนำกระเพาะหมู หรือกระเพาะปัสสาวะของสัตว์ที่แห้งแล้วมาทำการทดลอง มีวัตถุประสงค์ไว้เพื่อประดับตกแต่งสถานที่และใช้ในเทศกาลต่างๆ สำหรับเด็กๆ ก็จะให้ประโยชน์ในด้านความเพลิดเพลิน และการช่วยสร้างทักษะในการคิดคิดฝัน ขึ้นอยู่กับการนำมาบูรณาการและข้อเสนอแนะของแต่ละครอบครัว จริงๆแต่ก่อนนั้นลูกโป่งนั้นถือว่าเป็นของเล่นไฮโซเลยก็ว่าได้ในช่วงเวลาที่ประเทศไทยนำเข้ามาแรกๆ ช่วงยุคสมัยรัชกาลที่5 เป็นช่วงที่ประเทศไทยเริ่มมีความสัมพันธ์อันดีงามกับยุโรปจึงเริ่มรับวัฒนธรรมรวมถึงมีการค้าขายกันทำให้ลูกโป่งเข้ามาแพร่หลายในสมัยนั้น โดยส่วนใหญ่จะใช้ในงานฉลองเทศกาลต่างๆ ใช้เพื่อประดับตกแต่งสถานที่ รวมถึงใช้ในพิธีเปิดงาน แขวงป้ายต่างๆ แต่เนื่องจากเป็นสินค้านำเข้าทำให้มีราคาค่อนข้างแพง เรียกได้ว่าต้องมีฐานะที่ดีจึงจะสามารถซื้อมาเล่นได้ แต่ปัจจุบันนี้สามารถหาซื้อได้อย่างง่ายได้ เพราะประเทศไทยมีการผลิตและจำหน่ายกันอย่างแพร่ขยายไม่ต้องนำเข้าอีกแล้ว เมื่อต้นทุนลด ราคาก็ลด จึงกลายเป็นของเล่นที่วัยเด็กแทบจะทุกคนเคยผ่านกันมาแล้วทั้งนั้น เนื่องจากหาซื้อง่ายและราคาก็ถูกอีกด้วย
ทุกวันนี้เจ้าของเล่นบอลลูนหลากสีนี้มีหลากหลายประเภทมากๆ ราคาก็แตกต่างกันไป รวมถึงความปลอดภัยในการเล่นด้วยก็เช่นกัน ผู้ปกครองที่จะใช้ของเล่นประเภทนี้มาเป็นเพื่อนเล่นกับบุตรหลานจึงควรที่จะทำความรู้จักกับประเภทของมันด้วยว่าแต่ละชนิดเหมาะกับการเล่นแบบไหน เหมาะกับบุตรของท่านหรือไม่ และมีความไม่เป็นอันตรายหรือเปล่า
1.ลูกโป่งยาง ทำมาจากยาง น้ำยาง เป็นแบบออริจินัลแรกเริ่มเลยทีเดียว ใช้การเป่าลมหรืออัดแก๊สเข้าไปเพื่อให้ลอยได้ ถ้าแบบเป่าลมด้วยปากมักจะไม่อันตราย ซื้อได้จากการขายเป็นถุงๆให้เด็กๆซื้อไปเป่าลมด้วยปากกันเอาเอง แต่ถ้าเป็นแบบสำเร็จรูปส่วนใหญ่มักจะลอยในอากาศได้ โดยใช้การอัดแก๊สเข้าไป สามารถอัดแก๊สได้ 2 ประเภทคือ ไฮโดรเจนและฮีเลียม ถ้าไฮโดรเจนจะค่อนข้างจะอันตราย เนื่องจากว่าเป็นก๊าซไวไฟ สามารถติดไฟและแพร่กระจายเป็นเชื้อเพลิงได้ง่าย ก่อให้เกิดอันตรายได้ และยังสามารถซึมออกจากผิวยางได้ด้วย แต่จะมีสนนราคาไม่แพงมาก
ส่วนฮีเลียมนั้นจะปลอดภัยกว่าเนื่องจากเป็นก๊าซเฉื่อย ไม่ไวไฟ แต่มีราคาค่อนข้างจะแพง พวกพ่อค้าคนขายของจึงนิยมไฮโดรเจนมากกว่าเพื่อประหยัดต้นทุน ปัจจุบันนี้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคกำหนดให้เจ้าบอลลูนอัดแก๊สไฮโดรเจนกลายเป็นของซื้อของขายที่ควบคุมฉลาก ผู้จัดจำหน่ายต้องติดคำเตือนเกี่ยวกับการระแวดระวังเรื่องประกายไฟและความร้อน เพื่อปกป้องการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเด็กๆที่มาซื้อไปเล่นเพราะว่าเด็กๆรวมถึงผู้ใหญ่บางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการที่มันลอยได้นั้นเกิดจากการใช้ก๊าซชนิดได้ แล้วก๊าซชนิดนี้ส่งผลอย่างใด ดังนั้นจึงการติดป้ายเตือนเอาไว้จะช่วยลดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ไม่มากก็น้อย แต่ถึงอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับจรรยาบรรณของพ่อค้าคนขายด้วย
2.
ลูกโป่งวิทยลูกโป่ง