หมายความว่าอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่จะทำให้บ้านหรือห้องของคุณมีอุณหภูมิลดน้อยลงหรือเย็นลงนั้นเอง ไม่ว่าจะเป็น ห้องนอน ห้องนั่งพักผ่อน ห้องรับแขก ครัว ก็สามารถติดได้ เพื่อช่วยทำให้อากาศเย็นสบาย ไม่ร้อน และยิ่งในทุกวันนี้ ได้มีการพัฒนาเพิ่มขึ้นอีกมาก ให้มีศักยภาพเพิ่มมากขึ้น ให้เหมาะสมกับยุคนี้ ที่ผู้คนหันมาป้องกันตัวเองกันมากขึ้น คือ จะมีการกรองอากาศ ให้อากาศไร้ฝุ่นละออง หรือ เชื้อโรค เชื้อรา ต่าง ๆ หรือว่าจะมีการพัฒนา ให้มีการประหยัดกระแสไฟเพิ่มมากขึ้น เพราะแอร์หรือ เครื่องปรับอากาศ
เนื่องจากคืออุปกรณ์ไฟฟ้าที่ทำให้ภูมิอากาศของที่พักอาศัยเรามีอากาศที่หนาวขึ้น และก็คงไม่แปลกประหลาดที่หลาย ๆ คนจะเลือกที่จะตั้งแอร์ไว้ในบ้านเรือนเพราะช่วยปรับอุณหภูมิให้เย็นสุขสบายขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวของข้าพเจ้าบอกได้เลยว่า ขาดแอร์มิได้ เพราะอากาศมันร้อนมากวัน ๆ หนึ่ง อาบน้ำไป ออกมาสักพักเดียว ก็ตัวชุ่มเหงื่ออีกแล้ว เรียกได้ว่า กลายเป็นปัจจัยสำคัญในชีวิตประจำวันของหลาย ๆ บุคคลเลยที เพราะฉะนั้น วันนี้ เราจะมาทำความรู้จักไอเจ้า เครื่องปรับอากาศ
นั้นจะมีส่วนประกอบดังต่อไปนี้ครับ แผงท่อความเย็น,คอมเพรสเซอร์,หน้ากากเครื่องที่มีแผ่นเกร็ดกระจายความเย็น,แผงท่อระบายความร้อน,วัสดุอุปกรณ์สำหรับเปิด-ปิด เครื่อง,พัดลมส่งความเย็น,พัดลมถ่ายเทความร้อน,อุปกรณ์ป้อนสารทำความเย็นฉ่ำ,แผ่นกรองอากาศ โดยทุกอย่างจะทำงานรวมกัน และสร้างอากาศที่เย็นขึ้นให้กับเพื่อนฝูงๆ ได้ หากสิ่งหนึ่งสิ่งใดเสียหรือพัง มันก็จะทำให้แอร์ของเราไม่เย็นครับ โดยต่อไปเราจะมาพูดถึงชนิดของแอร์ที่เราเคยเห็นกัน ว่ามีทั้งสิ้นกี่แบบกี่ประเภทนะครับ เครื่องปรับอากาศ
ประเภทที่ 1. แบบตั้งหรือแขวน โดยแอร์ประเภทนี้ จะเหมาะกับเพื่อน ๆ ที่ปรารถนาอยากได้แอร์ตั้งพื้นหรือแขวนห้อยลงมาจากเพดาน จะเหมาะสำหรับพื้นที่ ที่ค่อนข้างจะกว้างอยู่พอสมควร แต่ห้องเล็กก็สามารถติดตั้งได้ ตัวอย่างเช่นห้องนอน ร้านอาหาร สำนักงานต่าง ๆ เป็นต้นแต่ถ้าสำหรับตัวผมแล้ว ผมมองว่า เหมาะกับร้านอาหารใหญ่ ๆ หรือหน่วยงานมากกว่าครับ เครื่องปรับอากาศ
ประเภทที่ 2. แบบติดฝาผนัง แอร์ประเภทนี้ จะเหมาะสำหรับเพื่อนๆ ที่มีห้องขนาดเล็ก พื้นที่น้อยเช่นพวกห้องนอน ห้องรับแขก หรือห้องนั่งเล่น ซะมากกว่าครับ เนื่องจากด้วยขนาดที่กะทัดรัด จึงไม่ทำให้ดูเกะกะพื้นที่ภายในห้องครับ เครื่องปรับอากาศ
ที่จัดตั้งขึ้นไว้ เช่น 8,000 BTU เหมาะสมสำหรับห้องขนาด 14 ตารางเมตร หรือ12,000 BTU เหมาะสำหรับห้องขนาด 20 ตารางเมตร ฯลฯซึ่งมันคือหน่วยวัดการดึงความร้อนออกจากห้องต่อชั่วโมง (อันนี้เข้าใจง่ายดี ไม่ต้องลึกมาก) โดยที่เราต้องพิจารณาด้วยว่า ห้องของเรานั้นมีความใหญ่โตมากแค่ไหน หากห้องเราไม่ได้ใหญ่โตมากนัก ก็ไม่จำเป็นจะต้องเอา BTU เยอะ ๆ นะครับ เนื่องจากเปลืองเงินโดยใช้เหตุ เราควรคำนึงถึงความพอเหมาะต่าง ๆ ด้วยครับ โดยส่วนประกอบอุปกรณ์เครื่องแอร์หรือ
เครื่องปรับอากาศ เครื่องปรับอากาศ
ให้เข้ากันมากขึ้นกันครับ เพื่อที่เพื่อนๆ จะได้เห็นถึงจุดสำคัญของเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดนี้ครับและจะได้สามารถนำไปใช้งานได้อย่างเหมาะสมกับเพื่อน ๆ ครับ เครื่องปรับอากาศ
เรื่องราวของกาทำความเย็นนั้น ยังไงก็หนีไม่พ้นแอร์ เพราะว่าเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีกันมาอย่างยาวนาน ในสมัยก่อนนั้นอาจมีเฉพาะบ้านของคนที่มีฐานะ แต่ในสมัยนี้นั้น ทุกที่พักอาศัยสามารถมีได้ เพราะสนนราคานั้นไม่ได้แพงมากนัก ซึ่งในสมัยนี้ สามารถชำระหรือผ่อนจ่ายได้อีกด้วย จึงทำให้ เป็นที่นิยมมากในยุคนี้ เรามาทำความรู้จักมักคุ้นกันครับ เครื่องปรับอากาศ
ในปัจจุบันนี้ อากาศบ้านเรา บ้านเมืองของเราค่อนข้างร้อนมากและยิ่งในเดือนเมษายนนี้ ยิ่งร้อนมากมายๆ กว่าทุกปี โดยที่อุณหภูมิพลุ่งโด่งแตะที่ 40 องศา เลยทีเดียว แค่อากาศในเช้าตรู่ก็ถือได้ว่าร้อนมากแล้ว และสิ่งที่จะมาช่วยคลายสภาพอากาศที่ร้อนจัดได้นั้นก็เป็น เครื่องปรับอากาศ
มักจะเปิดกันได้แทบจะทั้งวันตลอดคืน ซึ่งเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ภายในบ้านอย่างหนึ่ง ที่กินไฟมากที่สุด โดยปัจจุบัน ก็มีการพัฒนาให้กินไฟลดลง และคุณสมบัติต่าง ๆ ก็พัฒนาขึ้นจากแต่เดิมมากยิ่งขึ้น โดยที่องค์ประกอบของแอร์นั้น จะมีหลัก ๆ ที่เราเห็นๆ กันก็จะมี 2 ชิ้นส่วนด้วย คือ 1.ตัวเครื่องแอร์ที่ให้ความเย็นอยู่ข้างในห้อง และ 2.จะมีตัวคอมเพรสเซอร์แอร์อยู่นอกบ้านนะครับ โดยที่คอมเพรสเซอร์นั้นจะปฏิบัติหน้าที่ ที่สำคัญมาก และเราจะดูได้ว่า ถ้าหากคอมไม่มีลมร้อนออกมา หรือคอมเพรสเซอร์ไม่ปฏิบัติการ จะทำให้ตัวเครื่องด้านใน ไม่เกิดความเย็นด้วย เช่นกัน โดยสิ่งที่เราสมควรรู้ก็คือ ขนาดของแอร์ที่เราจะซื้อนะครับ เพราะแอร์นั้น มีหลายขนาดให้คัดเลือกซึ่งขึ้นอยู่กับความกว้างของห้องที่จะติดตั้งด้วย หน่วยของมันคือ BTU มันคือหน่วยของ เครื่องปรับอากาศ