สุขภาพอนามัยดีมิใช่เรื่องยากลำบาก“ภูมิสมดุล” ปรับสมดุลของร่างกายและจิตใจเรื่องราวไม่ยุ่งยากที่ท

[JaneWilkins11]

 ให้กับร่างกายและจิตใจ3. การปรับภูมิสุมดุลให้กับร่างกายด้วยการทำสมาธิมีผลการวิจัยออกมาหลายแห่งแล้วว่าการฝึกทำสมาธิส่งผลลัพธ์ทำให้จิตใจแจ่มใสเบิกบานขึ้น การนั่งสมาธิอย่างเป็นประจำทุกวันทำให้เราสามารถรับมือกับด้านลบของอารมณ์ตัวเองได้ เช่น ความโกรธ เศร้า เกลียด หดหู่ หรือแม้แต่ความหวั่นวิตก การนั่งสมาธิช่วยกระตุ้นให้สมองเกิดการเรียนรู้เยอะขึ้น จดจำได้ดีและแม่นยำ ช่วยทำให้เป็นคนความรู้สึกแปรปรวนน้อยลง อีกทั้งการนั่งสมาธิก่อนนอนหลับจะเป็นยานอนหลับอย่างดีที่ช่วยให้เรานอนหลับสนิทมากขึ้นรวมถึงสามารถแก้อาการปวดหัวได้ด้วยเพราะสมองเราจะโล่งปลอดโปร่ง วิธีนี้คือวิธีที่ทุก ภูมิสมดุล
 ของร่างกายไม่มีผลข้างเคียงและไม่เป็นอันตรายนอกจากวิธีดังกล่าวแล้วยังมีวิธีการปรับ ภูมิสมดุล
 ให้แก่ร่างกาย หรือว่าพูดง่ายๆว่าทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายเราเกิดความสมดุล ห่างไกลจากความเจ็บป่วย ด้วยการนำสารสกัดจากพืชทั้งหมด 5 ชนิด คือมังคุด ฝรั่ง บัวบก งาดำ และถั่วเหลือง ซึ่งมีความสามารถในการช่วยต้านเชื้อเนื้อร้ายด้วยการส่งเสริมร่างกายให้ผลิตเม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้น โดยเม็ดเลือดขาวประเภทTh1 นั้นจะช่วยในการกำจัดเซลล์มะเร็ง ไวรัส และแบคทีเรียต่างๆ นอกจากนั้นยังกระตุ้นให้ร่างกายผลิตเม็ดเลือดขาวชนิด Th17 ซึ่งจะช่วยในการคุ้มครองการเกิดของเซลล์มะเร็งได้ ยิ่งกว่านั้นเมื่อสารสกัดทั้งหมดทำมาจากธรรมชาติจึงเป็นเหตุให้การปรับภูมิสมดุล ภูมิสมดุล
 ในร่างกายและจิตใจในอีกหลายๆรูปแบบ ดังต่อไปนี้1. การปรับภูมิสุมดุลให้กับร่างกายด้วยการบริหารร่างกายการออกกำลังกายไม่เฉพาะแต่จะช่วยให้คุณมีรูปร่างที่ดีเท่านั้น อย่างที่ทราบกันดีว่าการออกกำลังกายทำให้คุณสุขภาพอนามัยดีขึ้นด้วย คุณสามารถเริ่มต้นจากการออกกำลังกายง่ายๆได้อย่างเช่น การก้าวเดินเร็ว การวิ่งเหยาะๆ การปั่นจักรยาน หรือไม่ก็การเล่นกีฬาต่างๆ ยังมีการบริหารร่างกายอีกหลายวิธีการเลยแต่เชื่อเถอะค่ะว่าไม่ว่าจะแบบไหนย่อมส่งแต่คุณประโยชน์ให้กับร่างกายของคุณอย่างแน่นอน เนื่องมาจากการออกกำลังกายช่วยทำให้หัวใจของท่านแข็งแรง ลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ และยังทำให้ระบบการไหลเวียนของเลือดดีขึ้นอีกด้วย ส่งผลลัพธ์ทำให้ผิวพรรณก็ดูเปล่งปลัง ดูอ่อนวัยขึ้น การออกกำลังกายที่ดีและเห็นผลควรออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ อย่างน้อย 3-5 วันต่อสัปดาห์ 2. การปรับภูมิสุมดุลให้กับร่างกายด้วยการพักผ่อนหย่อนใจให้เพียงพอการนอนดึกมากหรือการพักผ่อนไม่เพียงพอจะทำให้ร่างกายทรุดโทรมและไม่สดชื่น วันนึงเราน่าจะนอนหลับไม่น้อยกว่า 7-8 ชั่วโมง การที่เราได้รับการหลับที่เพียงพอจะส่งผลลัพธ์ให้ร่างกายมีสุขภาพที่ดี เพราะเวลาที่เรานอนหลับร่างกายของเราจะฟื้นฟูและฟื้นฟูส่วนที่สึกหรอ เมื่อเราพักเพียงพอ สุขภาพดี ผลที่ตามมาก็คือระบบต่างๆในร่างกายและจิตใจของเราก็จะสามารถทำงานได้อย่างเป็นปกติ โรคภัยไข้เจ็บต่างๆก็ไม่มาเยือน นอกจากนี้การนอนหลับยังช่วยให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้ดีด้วย เมื่อได้รับการนอนหลับที่พอเพียงสมองก็จะปลอดโปร่ง สุขภาพจิตก็ดี สามารถใช้สติปัญญาในระหว่างวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ฉะนั้นควรขจัดปัจจัยที่รบกวนการนอนหลับตัวอย่างเช่น ความเครียด เป็นต้น ถ้าเกิดว่านอนไม่หลับให้ลองออกกำลังกายดูเพื่อที่จะช่วยให้นอนหลับได้ง่ายมากขึ้น ระหว่างที่เรานอนร่างกายจะมีการหลั่งสารเมลาโทนินออกมากเพื่อช่วยลดความดันโดลิต ฉะนั้นการนอนหลับจึงเป็นอีกหนึ่งกรรมวิธีสำคัญในการช่วยปรับ ภูมิสมดุล
 ” (Balancing Immunity) คือการนำของกินมาใช้เป็นยาเพื่อสร้าง ภูมิสมดุล
 ขณะนี้กระแสรักสุขภาพมาแรงจริงๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนวัยทำงานที่แต่ก่อนก็เรียกได้ว่าเข้าทำงานกันจนกระทั่งไม่มีเวลาพักผ่อน วันๆกระทำแต่การงานไม่ห่วงสุขภาพอนามัยเหมือนคำที่คนเคยกล่าวไว้ว่า คนทำมาหากินทั้งชีวิตเพื่อหาเงินมาเยียวยารักษาโรคภัยไข้เจ็บของตัวเองในตอนสูงอายุแบบอย่างนี้ฟังดูไม่ถูกต้องเลยใช่หรือไม่คะ ของกินสำเร็จรูปเช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป นี่เป็นอาหารปกติของบุคคลวัยทำการทำงานเมื่อก่อนเลย หรือแม้แต่วัยหนุ่มวัยสาวก็ตาม นี่แหละค่ะ คือสาเหตุของโรคภัยต่างๆที่มาเยี่ยมเยียน ไม่ว่าจะเป็นโรคอ้วนโรคเบาหวาน โรคหัวใจ รวมไปถึงโรคภัยไข้เจ็บออฟฟิศซินโดรม แต่ขณะนี้ คนหันไปรักสุขภาพ ใส่ใจสุขภาพ ดูแลเรื่องของกินกันมากขึ้น เทรนด์ออกกำลังกายกลายเป็นเทรนด์มาแรงและฮิตสุดๆ คนเริ่มต้นเปลี่ยนจากทัศนคติที่ว่าอยากออกกำลังกายเพื่อลดความอ้วน มาเป็นอยากออกกำลังเพื่อสุขภาพที่ดี แต่วันนี้เรามีการแสดงออกถึงการรักสุขภาพอนามัยมาฝากทุกๆคน เพื่อเป็นอีกหนึ่งลู่ทางให้สำหรับคนที่กำลังหันมาดูแลใส่ใจสุขภาพของตัวเอง เพื่อชดเชยกับในอดีตที่เคยปล่อยปละละเลยสุขภาพอนามัยการดูแลสุขภาพแนวคิดใหม่ “ ภูมิสมดุล