สิ่งที่เราต้องรู้ว่าเราควรซื้อหาแบบไหน อย่างแรก เราจะต้องทราบก่อนว่าโทรศัพท์หรือสมาร์ทโฟนที่เราใช้นั้น มีความจุเท่าไหร่ เพื่อให้เราคำนวณการใช้งานเพื่อให้พอใช้ในแต่ละวัน และโดยปรกติแล้ว power bank จะมีความจุตั้งแต่ 2,000-30,000 mAh โดยอย่างที่พูดไปแล้วข้างต้นว่า หากแบตสำรองยิ่งมีความจุมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งบรรจุไฟได้มาก และเราก็สามารถใช้ได้นานเพิ่มมากขึ้นด้วย แต่สิ่งที่ต้องรับสารภาพก็คือ เรื่องของเวลาในการชาร์จแบตให้กับเจ้า powerbank ก็คงจะใช้เวลานานมากกว่าพวกความจุน้อย โดยปกติหากเป็นอันที่มีความจุ 20,000 mAh ขึ้น อาจจะต้องใช้เวลาในการชาร์จให้เต็มเป็น 10 ชม.ก็ได้และในเรื่องของสนนราคาก็อาจจะสูงขึ้น หรือแพงกว่ารุ่นที่แอมป์น้อย ๆ ด้วย ด้วยเหตุนั้น ข้อนี้ ก็แล้วแต่ความอยากของเพื่อน ๆ ว่าอยากได้ปริมาณความจุแค่ไหนนะครับเรื่องที่ 2. เรื่องราวของราคา เป็นที่แน่อยู่แล้วว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องทีสำคัญต่อการตกลงใจของเพื่อน ๆ หลาย ๆ ท่านเลยก็ว่าได้ เพราะว่าราคาจะมีเริ่มต้นตั้งแต่หลักร้อยถึงหลักพันเลยทีเดียว โดยถ้าเป็น พาวเวอร์แบงค์
เพราะว่าสามารถใช้งานได้ทุกๆ ที่ทุกเวลาโดยไม่ต้องพึ่งปลั๊กไฟ และในวันนี้ เรามาแนะลู่ทางเรื่องของการเลือกซื้อ ว่าเราควรดูยังไงบ้าง และมีวิธีการดูแลรักษาไอเจ้าวัสดุอุปกรณ์ชิ้นนี้อย่างไร ไปดูกันครับก่อนอื่นเลยสิ่งที่เราต้องรู้จักมักคุ้นกันซะก่อนคือหน่วยของความจุของแบตเตอรี่ ซึ่งในสมาร์ทโฟนแต่ละรุ่น จะมีจำนวนความจุที่ไม่เท่ากัน และหน่วยของมันก็คือ mAh หรือมิลลิแอมป์ต่อชั่วโมง ซึ่งในส่วนของเจ้าแบตสำรองนี้ ก็มีหน่วยเป็น mAh เหมือนกัน ยิ่งค่าความจุเยอะแค่ไหน ก็จะทำให้ยิ่งสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้มากมายเท่านั้น ซึ่งวิธีการคัดเลือกซื้อนั้น เราควรพินิจพิจารณาจากอะไรบ้าง มาลองดูกันครับเรื่องที่ 1. เรื่องของความจุของเจ้า
พาวเวอร์แบงค์ พาวเวอร์แบงค์
ที่มียี่ห้อ และปริมาตรมาก ราคาอาจจะสูงกว่ารุ่นปกติธรรมดาที่มีความจุน้อย แต่หากเราซื้อมาใช้ ก็เน้นที่มันมีคุณภาพและได้เกณฑ์จะดีที่สุดนะครับเรื่องที่ 3. เรื่องชนิดของแบตเตอรี่ เรื่องนี้ก็ถือว่าสำคัญไม่แพ้กัน เนื่องจากในการผลิตแบตเตอรี่สำรองนั้นจะมีประเภทของแบตอยู่ 2 แบบ คือ 1.แบบลิเธียมไออน และ 2.แบบลิเธียมโพลิเมอร์ โดยหากเพื่อนฝูงๆ จะเลือกซื้อ ผมแนะนำว่า ควรจะเลือกซื้อที่เป็นแบบ ลิเธียมโพลิเมอร์ เพราะว่าจะมีสมรรถนะที่สูงกว่า แต่ราคาก็อาจแพงกว่านะครับ เรื่องที่ 3. เรื่องของความเร็วการคายประจุ เรื่องนี้ก็สำคัญไม่แพ้กันเพราะว่าในตัวแบตเตอรี่สำรองนั้น ถ้าเราทิ้งแบตสำรองไว้ ความจุของมันจะค่อย ๆร่อยหรอไปเรื่อย ๆ แต่เรื่องนี้ก็ยังไม่มีออกมาเป็นที่แน่ชัด ว่ายี่ห้อไหนที่มีการคายประจุได้เร็วกว่ากัน แต่หากเป็น พาวเวอร์แบงค์
เวลานี้เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาของเทคโนโลยี ที่เข้ามามีบทบาทในความเป็นอยู่ของเราเป็นอย่างมาก และสิ่งอำนวยความสบายต่าง ๆ ที่สร้างสรรค์ขึ้นหรือผลิตขึ้นมาให้สนองตอบความประสงค์ของผู้ใช้ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็หมายถึง พาวเวอร์แบงค์
ที่มีสนนราคาถูก การคายประจุจะเร็วกว่าอันที่เป็นยี่ห้อดี ๆ และราคาสูงกว่า เพราะฉะนั้น อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับเพื่อนพ้องๆ แล้วว่า ต้องการแบบไหน แต่ถ้าใครไม่ได้ซีเรียส ก็เน้นแค่ว่า ให้เราสามารถใช้พอในแต่ละวันก็เพียงพอแล้วครับเรื่องที่ 4. เรื่องสุดท้ายเป็นเรื่องของการตรวจอุปกรณ์ที่เราใช้ ว่าสมาร์ทโฟนที่เราใช้นั้น มีความจุของแบตเตอรี่เท่าไรเพื่อให้เราสามารถคำนวณและซื้อpower bank มาใช้ได้อย่างพอตลอดวันครับโดยหากเป็นพวก iphone อาจจะมีความจุน้อยกว่ายี่ห้ออื่น ๆ และแบตหมดเร็วมาก เพราะฉะนั้น เพื่อน ๆ ต้องหาข้อมูลให้ดี ๆ ว่าโทรศัพท์เรานั้นมีความจุเท่าไหร่ เพราะจะได้ไม่เป็นการเสียสตางค์ที่เสียเปล่าครับ เพื่อการใช้งานสะดวกสบายราบรื่นตลอดวันของเราครับ พาวเวอร์แบงค์
หรือที่หลาย ๆ คนรู้จักกันในชื่อของแบตเตอรี่สำรอง ซึ่งเป็นวัสดุอุปกรณ์ที่มีความจำเป็นอย่างมากมายในช่วงปัจจุบันเพราะว่าด้วยเวลาที่เปลี่ยนแปลงไป ผู้คนหันไปนิยมใช้โทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟน และเล่นกันได้ทั้งวัน แทบจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของการดำเนินชีวิตในทุกวันไปเลยก็ว่าได้ โดยสำหรับบางคน ลืมตาตื่นขึ้นมา ก็หยิบโทรศัพท์มาเช็ค Line,Facebook,Twitter กันเป็นอันเริ่มแรกก่อนจะลุกไปอาบน้ำทำธุรส่วนตัวในเช้าเลยก็ว่าได้ ซึ่งผม เป็นหนึ่งในนั้น ไม่ว่าจะทำสิ่งไร เราก็มักจะติดเล่นโทรศัพท์มือถือไปด้วยทั้งหมด ทั้งเข้าห้องน้ำ กินข้าว หรือแม้แต่นั่งรถยนต์สังเกตได้จากผู้คนที่ขึ้นรถไฟฟ้า หรือรถเมล์ ต่างคน ก็ต่างนั่งเล่นโทรศัพท์ และก็ไม่แตกต่างที่ในหนึ่งวัน แบตเตอรี่ของโทรศัพท์ก็จะไม่พอใช้ หรือหมดเกลี้ยง ซึ่งสิ่งที่มาแก้ไขปัญหานี้ ก็หนีไม่พ้น แบตสำรอง หรือ พาวเวอร์แบงค์