
หัวข้อ: ตำนานแห่ง กำเนิด ลิปสติก การเดินทางแห่งเรื่องสง่างาม ของผู้หญิงสาว
เริ่มหัวข้อโดย: JoshuaPowell25 ที่ มีนาคม 08, 2017, 12:56:17 pm
เริ่มมีสีสันและย่างก้าวเข้าสู่สังคมในฐานะสินค้าทางธุรกิจที่รุ่งเรือง ตั้งแต่คราว 1930 โดยมากธุรกิจสาว นามว่า อลิสซาเบธ อาของเหลือ เจ้าของหุ้นส่วน Elizabeth Arden, Inc ผู้นำเทรนด์งานทาลิป พร้อมทั้งทำการก่อสร้างสรรค์ผลิตเฉดสีของลิปอุปถัมภ์หลากแยะ กับสวยงามยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามสาวๆในยุคตรงนั้นก็ยังคง เขินอาย ไม่อ่อยกล้าหาญชดใช้กันสักทันไหร่ เพราะกรณีเชื่อในสมัยตรงนั้นว่าสาวๆเขตทา ลิปสติก
จะถูกเครื่องหมายหน้าว่าหมายความว่าหญิงสะสวยเมือง เด็กสาวทั่วหลายแตกต่างถูกห้ามปรามมิแจกภูษิตด้านหน้าเพราะสังคมในระยะเวลานั้นยังไม่ยอมรับเท่าย่านเหมาะสม จนกระทั่งปี 1950 ในสมัยที่ดาราฮอลลีวู้ดเริ่มกลายเป็นไอดอลข้าวของเหน้าๆในกาลสมัยนั้น ดารานำอย่าง มาริลีน มอนโรว์ และ อลิสซาเบธ เทย์เลอร์ ทำให้กระแสการทาโอษฐ์ กลับมาอีกคราว โดยเฉพาะ เทย์เลอร์ นั้น คลั่งใคล้งานทาลิปสีแดง มากเสียจนสั่งห้ามไม่ให้นักแสดงคนอื่นๆในกองทาปากสีชาดอาทิเช่นหนึ่งเดียวกับเธอล่วงทีเดียวและในปี 1952 นางท้าว อลิสซาเบธที่ 2 ก็ทรงรับสารภาพพูดให้ทำลิปสีพิเศษขึ้นมาโดยเฉพาะ โดยเป็นสีชาดเฉดเดี่ยวกับอาภรณ์คลุมของพระอวัยวะ เพราะว่า ลิปสติก
จ๋า ด้วยสีสันที่ทำเป็นสร้างสรรค์ได้หลากหลายเฉดสี เมื่อเกี่ยวมาแต่งชั้นเชิงลงบนปลายฝีปากของหญิงวัยแรกรุ่นแล้วไป จะสนับสนุนทำส่งเสียใบหน้าของสาวๆดูโดดเด่นสะดุดตาขึ้นมาทันที แม้คนที่ไม่โปรดภูษิตหน้าภูษิตตาใดๆเกินก็ตาม เพียงแค่แต้มลิปสีบางๆลงบนชายขอบฝีปากเบาๆ ก็ทำให้หน้าตาดูสะสวยสดชื่น ดูสุขภาพดีขึ้นทันทีเกินทีเดียวประวัติของ ลิปสติก
กับหญิงสาวนั้น ก็กลายเป็นเรื่องอยู่ยมลกันมาโดยตลอด มีบางช่วงที่งานทาสีปากตรงนั้นกลายเป็นเป็นตัวแทนสัญลักษณ์ในทางที่อยู่ไม่ดี เช่น ในคราวก่อนก็มีความศรัทธาที่ว่า หากหญิงสาวคนไหนทาปากยังมีชีวิตอยู่สีแดง ก็จะมีการกล่าวหาว่านางคนนั้นเป็นแม่มด โดยเชื่อกันว่างานเปลืองสีเกลาแต้มทาปากนั้นด้วยเหตุว่าจำเป็นต้องงานล้อยวนเพศชาย อีกทั้งในช่วงยุคมืดและยุคมัธยม การทาปากนั้นก็เปลี่ยนไปเป็นสิ่งต้องห้ามในสังคมชั้นอุจของยุโรป เหตุเพราะแปรไปเป็นตัวตนแทนข้าวของเครื่องใช้หญิงชั้นเลวทรามและกลุ่มผู้หญิงค้าบริการ หรือผู้หญิงหากินนั่นเองค่ะ นอกเดินทางนี้ ยังมีในใสสมัยที่การทาลิปนั้น กลายหมายถึงที่นิยมกันในหมู่ผู้ชาย โดยตอนหลังหนุ่มน้อยในสมัยตรงนั้นจะมีการแต่งเครื่องเคราแบบเต็มยศพร้อมทั้งมีงานใช้วิกผมด้วย โดย จอช วอชิงตัน ประธานาธิบดีคนแรกของใช้สหรัฐอเมริกา ก็นิยมทาปากด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งในเวลานั้นถือเป็นการแสดงออกลุชนระดับและตำแหน่ง อีกด้วย ลิปสติก
นั้น ต้องย้อนช่วงไปไกลบรรลุในกาลเวลาเวลาของ สาวๆในยุคเมโสโปเตเมีย หรือกว่า 5,000 ปีก่อนเทียวนะคะ โดยสาวๆสมัยนั้นจะนำอัญมณีล้ำคุณค่าต่างๆมาบดให้เป็นผง แล้วปณีตแต่งชั้นเชิงลงบนใบพักตร์ ทั้งบริเวณรอบเคราะห์ตาพร้อมทั้งการทาลงบนริมฝีโอษฐ์ค่ะ และในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ก็มีหลักฐานชิ้นชัดเจนที่แสดงให้เห็นว่า หญิงๆในยุคโบราณนั้นมีการทาริมฝีปากเพราะว่าสีแดงเพื่อเพิ่มสีสันเรียวปากให้สดใส ออกจากการค้นพบหลักฐาน ณ ที่ราบลุ่มเมโสโปเตเมีย ได้ขุดค้นพบกล่องใบหนึ่ง และสิ่งที่บรรจุอยู่ในกล่องโบราณนั้นก็คือ สีทาปาก นั่นเอง แถมยังมีแบบฉบับฐานอีกจากการค้นพบกระดาษปาปิรุสโดยบนกระดาษนั้นเป็นภาพหญิงสาวชาวอียิปต์กำลังถือคันฉ่องและแต่งชั้นเชิงเรียวยาวโอษฐ์อยู่ นอกจากตรงนี้ยังมีข้อมูลบ่งไว้ว่าสาวๆในยุคโบราณนั้นต่างชื่นชอบด้วยกันมักนิยมเติมสีสันให้แก่ส่วนล่างฝีปากด้วยผลเบอร์รี่สีแดงและน้ำกินผลไม้สีสดกลุ่มต่างๆอีกด้วยอย่างไรก็ติดสอยห้อยตามในเวลาแต่ก่อนนั้น เหตุการณ์ของ ลิปสติก
เรื่องของความสวยความงามสำหรับหญิงสาวนั้น แน่เคล้งว่าเป็นสิ่งที่สาวๆต่างให้ความสำคัญมาเป็นอันดับหนึ่งผ่านพ้นใช่ไหมคะ? รุ่งโรจน์นามสมญาว่าเกิดทั้งเป็นผู้หญิงแล้วน้อยคนนักที่จะมิสนใจเรื่องราวสวยๆวิจิตรบรรจงๆนะคะ ความรักความชอบในการประดับอวัยวะทรงเครื่องให้สวยงามงามน่าจะมอง เป็นสันดานที่ติดตัวมาจัดตั้งขึ้นอย่างไรก็ตามอุบัติสิ่งผู้ผู้หญิง ล่วงทีโดดเครื่องสำอางเป็นชิ้นเขตได้รับข้อคดีนิยมจนเรียกว่ากลายเป็นปัจจัยที่สำคัญในการใช้ชีวิตในกลุ่มสมัยใหม่นี้ไปแล้ว โดยเฉพาะสาวๆที่อยู่ออกไปทำงานนอกบ้าน จงพบปะผู้คนมากมาย ด้วยซ้ำตำแหน่งและหน้าตาที่ ทำส่งเสียจำต้องสร้างบุคลิกที่น่าถือถือ เพราะรูปลักษณ์ก็เป็นสิ่งที่สำคัญมิแพ้เรื่องรู้ความสามารถและฝีไม้ลายมือในการทำงานล่วงพ้นนะคะ ราวกับนั้นสาวๆคราวนี้จำเป็นอย่างที่สุดที่จะต้องพึ่งพาเครื่องสำอางเป็นตัวช่วยเพื่อเสริมบุคลิกให้น่าดูเชื้อเชิญมองคะหนึ่งในเครื่องสำอางที่รอบรู้ช่วยเนรมิตเสริมบุคลิกภาพให้กับวัยแรกรุ่นๆนั้น ก็คือ ลิปสติก (http://estellaesthetic.com/) ลิปสติก