ถั่งเช่า กับ โรคมะเร็ง พร้อมทั้งการต้านอนุมูลอิสสระ

[JulianJackson18]

นอกจากความสามารถในการสร้างภูมิคุ้มกันจากสารโพลีแซคคาไรด์ แล้ว ยังมีการออกฤทธิ์ในการต้านมะเร็งจากสสารคอร์ไดซิพิน (3’deoxyadenosine) ซึ่งโมเลกุลของสารนี้เกือบจะเหมือนกับสารอะดีโนซีน (adenosine) ซึ่งเป็นองค์ประกอบของ ดีเอ็นเอ (DNA) แต่ต่างกันที่คอร์ไดซิพินไม่มีอะตอมของออกซิเจนบนตำแหน่งที่ 3 ของน้ำตาลไรโบส การขาดออกซิเจนตรงจุดนี้มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะหากคอร์ไดซิพิน เข้าแทนที่ อะดีโนซีนในดีเอ็นเอ การขาดออกซิเจนไปหนึ่งตัว จะทำให้การจำลองดีเอ็นเอหยุดยั้ง ลง การแยกแยะเซลล์จึงไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ การแยกเซลล์หากเกิดในเซลล์ปกติ เซลล์ปกติของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมสามารถที่จะซ่อมแซมปัญหานี้ได้ แต่มิใช่เซลล์มะเร็ง เนื่องจากเซลล์มะเร็งไม่มีประสิทธิภาพในด้านนี้

แบคทีเรียส่วนมาก และไวรัสทุกชนิด รวมทั้งไวรัสเอดส์ (HIV) ก็ไม่สามารถซ่อมแซมดีเอ็นเอ ได้เช่นเดียวกับเซลล์มะเร็ง ดังนั้นความสามารถในการยันการเจริญเติบโตของแบคทีเรียบางชนิด และไวรัส โดยคอร์ไดซิพิน ก็มีกลไกการออกฤทธิ์เช่นเดียวกับที่เกิดกับเซลล์โรคมะเร็งนั่นเอง (Holliday 2004b) (Liu and Zheng, 1993)

เป็นที่ปรากฏชัดกันว่าในเห็ดหลายชนิดมีส่วนประกอบของสารแซคคาไรด์เดี่ยวๆ และแซคคาไรด์ที่รวมตัวต่อกันเป็นสายโซ่ยาวที่ตำแหน่ง 1,3 และ 1,6 เช่น เบต้า ดี กลูแคน (beta-d-glucans) ได้มีการทดสอบทางการแพทย์ในประเทศจีน และ ญี่ปุ่น ในโรงพยาบาลหลายแห่งค้นพบ ว่าการให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งปอดกินถั่งเช่า 6 ก./วัน ควบคู่กับการทำ คีโม ผลปรากฏว่าขนาดของมะเร็งลดลง 46% ในคนไข้ 50 คนที่ทดลอง (Wang et al 2001) การทดลองให้คนไข้ที่เป็นเนื้องอกชนิดอื่นๆ ทานถั่งเช่า 6 กรัม/วัน เป็นเวลา 2 เดือน ทำให้คนไข้ส่วนมากมีอาการดีขึ้น เมื่อเช็คเม็ดเลือดขาวพบว่าผู้ป่วยมีเม็ดเลือดขาวสูงขึ้น และขนาดของเนื้องอกลดลงประมาณเศษหนึ่งส่วนสองของคนไข้ที่ทดลอง (Zhou et al 1998)ถั่งเช่า




ถั่งเช่าช่วยข้อจำกัดของการบำบัดทางเคมี/ฉายแสง ได้อย่างไร

การป้องกันผลข้างเคียง จากการบำบัดทางเคมีหรือฉายรังสี

ในความเป็นจริงแล้ว ความรู้ที่ว่าถั่งเช่า มีประสิทธิภาพในการต้านทานโรคมะเร็งนั้นเป็นที่เข้าใจกันในประเทศทางตะวันออก เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี และจีน เพราะมีการทดสอบ กันอย่างแพร่หลายเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันอันเป็นทางเลือกในการรักษา เพราะมีสาร โพลีแซคคาไรด์ ภูมิคุ้มกันที่สร้างขึ้นนี้ สามารถลดความรุนแรง พร้อมด้วย ลดเวลาที่เกิดผลข้างเคียงอันเกิดจากการรักษาทางเคมีหรือฉายรังสี (Wang et al 2001) (Xu et al 1988)

ผลรับที่เด่นที่สุดของการทำการรักษาโรคมะเร็งโดยใช้สารเคมีก็คือการทำลายระบบภูมิคุ้มกันของคนไข้นั้นเอง ในความเป็นจริงแล้วคนไข้มรณะจากการรักษาโดยสารเคมีมากกว่า จากโรคมะเร็ง คนไข้ที่รักษาโดยสารเคมีจะได้รับการตรวจเช็คเม็ดเลือดขาว ในช่วงที่ทำการรักษาโดยใช้สารเคมี จำนวนสารเคมีที่จะให้คนไข้ พร้อมด้วยโปรแกรมการให้สารเคมีจะถูกปรับเพื่อให้คนไข้ มีโอกาสที่จะสร้างภูมิคุ้มกันพอเพียง เพื่อที่จะรับสารเคมีที่เป็นพิษในครั้งถัดไปได้อีก พร้อมทั้งหวังว่าสารเคมีจะฆ่าเซลล์มะเร็งได้เร็วกว่าเซลล์ปกติ โดยปกติเม็ดเลือดขาวจะมีความอ่อนแอต่อสารเคมีที่ใช้รักษาโรคมะเร็งโดยมันจะตายเร็วกว่าเซลล์อื่นๆที่เป็นองค์ประกอบของเนื้อเยื่อที่ยังเป็นปกติอยู่ ซึ่งเป็นที่มาของภูมิคุ้มกันของร่างกายที่ลดลง เนื่องจากเม็ดเลือดขาวเนื่องโดยตรงกับการสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย

กลไกการออกฤทธิ์ของสารคอร์ไดซิพิน (Cordycepin)

กลไกการทำงานของสารโพลีแซคคาไรด์ (Polysaccharides)

คุณสมบัติที่เด่นของถั่งเช่าซึ่งเป็นที่รับทราบกันมานานแล้วในประเทศจีนก็คือ การเป็นยาปกป้องมะเร็ง ซึ่งกำลังเป็นที่น่าตื่นเต้นในวงการแพทย์ทางเลือกในโลกตะวันตกในด้านสมรรถนะในการการเป็นยาปกป้องเนื้อร้ายชนิดใหม่ ประกอบไปด้วยสารโพลีแซคคาไรด์ (Polysaccharides) และ สสารคอร์ไดซิพิน (Cordycepin) ซึ่งสารตัวหลังนี้พบที่ถั่งเช่าเท่านั้น ในปัจจุบันมีแพทย์จากทั่วโลกที่แนะนำให้คนไข้กินควบคู่กับการรักษาแผนปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นการใช้เคมีบำบัด (ทำคีโม) หรือการฉายรังสี หรือทางเลือกในการรักษาเนื้อร้ายโดยวิธีอื่นๆ จะสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งอย่างชัดเจน ในบางกรณีนอกจากทำให้เนื้องอกหายไปด้วยแล้ว ยังช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันทำให้ร่างกายของผู้ป่วยทนทางขึ้น สามารถทนต่อความเครียดจากการทำคีโม หรือฉายรังสีได้ด้วย (Nakamura et al 2003) ภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นจากการกินจัดเป็นภูมิคุ้มกันที่สองซึ่งทำให้ร่างกายคนสามารถ ทราบ จดจำ กำจัด ป้องกัน จุดที่เป็นมะเร็งทั่วร่างกายได้ (Koh et al 2002)

หากคนไข้มีภูมิคุ้มกันที่ดี จะใช้ปริมาณสารเคมีเพื่อฆ่าเซลล์มะเ